บัวขาว บัญชาเมฆ

ผู้เสียหายโผล่อีก! "ผู้จัดการบัวขาว" แจงชัดกรณีโดนเบี้ยวค่าตัวยอดทะลุเกือบ 3 ล้าน

จากในกรณีที่กำลัง เป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์เมื่อ “ดำดอทคอม” บัวขาว บัญชาเมฆ ยอดกำปั้นขวัญใจคนไทย ออกมาทวงค่าตัว 2.2 ล้านบาท จากการเดินทางไปชกรายการ World Fight Tournament ที่ประเทศกัมพูชา

โดยในไฟต์ดังกล่าว นักชกชาวไทยวัย 40 ปี ขึ้นสังเวียนเอาชนะคะแนน ดมิทรี วารัตส์ นักชกชาวเบลารุส ที่สนามกีฬาแห่งชาติ มรดก เตโช, กัมพูชา เมื่อวันพุธที่ 6 กรกฎาคม ปีที่ผ่านมา สร้างความประทับใจให้กับแฟนๆ เจ้าถิ่นเป็นอย่างมาก

บัวขาว บัญชาเมฆ โดนเบี้ยวค่าตัวยอดทะลุเกือบ 3 ล้าน

อย่างไรก็แล้วแต่หลังการชกจบลง

ปรากฏว่าทางฝ่ายจัด กลับไม่จ่ายค่าตัวที่เหลือ และก็ได้หนีหายไป ทำให้ทาง บัวขาว บัญชาเมฆ ออกมาโพสต์ว่า มิได้มีปัญหากับทางประเทศกัมพูชา เพียงอยากวอนให้ผู้ใหญ่ในวงการมวย ของกัมพูชา เมตตาช่วยติดตามค่าตัว ที่ไปต่อยที่กัมพูชาให้ด้วย

มีข้อมูลล่าสุดจาก ธีรวัฒน์ ยิ้วยิ้ม ผู้จัดการของ บัวขาว บัญชาเฆม ว่า “หลังจากการชกจบลง เขาก็หายตัวไปเลย และก็ถึงตอนนี้มีผู้ที่ โดนเบี้ยวจ่าย จากรายการดังกล่าว ออกมาเพิ่มขึ้นหลายราย ไล่ตั้งแต่ฝ่ายออร์แกไนซ์จัดงาน, พิธีกร, ช่างภาพ, ค่าโรงแรงที่พัก รวมไปถึงคนขับรถรับส่ง”

“ซึ่งถึงในเวลานี้ยอดความเสียหาย เพิ่มขึ้นเป็น 2.7 ล้านบาทเข้าไปแล้ว และก็ยังมีอีกหลายคน ที่ยังไม่กล้าออกมาเปิดเผย ก่อนอื่นต้องการให้ แฟนมวยคนไทย เข้าใจว่าทาง บัวขาว มิได้มีปัญหา กับประเทศกัมพูชาแต่อย่างใด”

“ด้วยเหตุว่าคนที่เป็นหัวเรือใหญ่ ในการจัดงานเป็นคนไทย ที่ไปอาศัยอยู่ในกัมพูชา เป็นเวลานานกว่า 20 ปี ซึ่งน่าจะ รู้จักกับผู้ใหญ่ ในแวดวงมวยของตรงโน้นหลายราย ก็เลยต้องการวอนผู้ใหญ่ ในแวดวงมวยบ้านเขา ช่วยตามเรื่อง ให้ก็แค่นั้น” ผู้จัดการยอดมวยดัง เปิดใจ

ผู้จัดการบัวขาว แจงชัดกรณีโดนเบี้ยว

ตั้งค่าหัวแล้ว “รองปธ.มวยกัมพูชา” เดือดลั่นคนใดคว่ำ “บัวขาว” รับโบนัสไปเลย

กลายเป็นประเด็นเดือด อย่างต่อเนื่องกับการที่ ประเทศกัมพูชา เจ้าภาพจัดการแข่งกีฬาซีเกมส์ 2023 ออกมาประกาศว่า จะไม่ขอใช้ชื่อ “มวยไทย” สำหรับในการแข่งหนนี้ โดยจะใช้ชื่อว่า “กุน แขมร์” ที่นับว่าเป็น กีฬาประจำชาติของพวกเขาแทน

ซึ่งเรื่องนี้นักข่าวได้สัมภาษณ์ “ดำดอตคอม” บัวขาว บัญชาเมฆ นักชกมหาชนขวัญใจชาวไทย ที่เดินทางไปร่วมเปิดตัวภาพยนตร์ Marvel Studios’ Ant-Man and The Wasp: Quantumania ซึ่งจัดขึ้นที่มหานคร สกายวอล์ค คิง เพาเวอร์ มหานคร

โดย กำปั้นวัย 40 ปี ได้พูดว่า “เฮ้ย! บอกแล้วของขึ้น มีไฟต์ไหมเนี่ย (หัวเราะ) เขาก็มีสิทธิ์ของเขา เราบอกอะไรไม่ได้ มันเป็นสิทธิ์ของเขาในการ เป็นเจ้าภาพ ระดับเอเชียเราไม่ต้องกล่าวถึง เราไปเอ่ยถึงโอลิมปิก”

“มันก็เป็นสิทธิ์ของเขา เราไม่กล่าวถึง อัปทูยูจะเอาไปไหนก็เอาไปเลย แต่ว่าของเราออริจินอล ไทยแลนด์ เบอร์ 1 อยู่แล้ว อย่าไปฟัง อย่าไปซีเรียส ของเรามันดีอยู่แล้ว”

ซึ่งหลังคลิปการสัมภาษณ์นี้ ได้ถูกเผยแพร่ออกไป ยังประเทศเพื่อนบ้าน ก็สร้างความรู้สึกไม่ถูกใจ ให้กับแฟนมวยชาวเขมร เป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ นายสเร จันทร รองประธานกิตติมศักดิ์สหพันธ์มวยกัมพูชา ออกมาประกาศหมายหัว บัวขาว บัญชาเมฆ ผ่านโลกออนไลน์

“ประกาศจาก สเร จันทร ในนามของรองประธานกิตติมศักดิ์สหพันธ์มวยกัมพูชา ผมมั่นใจว่ามีนักมวยกัมพูชา ที่แกร่ง แล้วก็สามารถเอาชนะ บัวขาว ได้ ซึ่งถ้าใคร เสนอตัวและก็สามารถเอาชนะเขาได้ ผมจะมอบบ้านให้ 1 หลัง, รถหรู 1 คัน และก็มอบเงินสำหรับใช้จ่าย เป็นระยะเวลา 10 ปี”

“นี่คือกำลังใจ จากผมที่จะมอบให้ กับนักมวยเขมร ที่พร้อมสู้เพื่อแผ่นดินเกิดของเรา ผมรักกัมพูชา และก็ขอให้พี่น้องของเรา เชียร์นักมวยของเรา” ซึ่งงานนี้เรียกว่า เกิดกระแสดราม่าอย่างมาก ที่ประเทศกัมพูชาปัจจุบันนี้

แจงชัดกรณีโดนเบี้ยว

ประวัติ บัวขาว บัญชาเมฆ นักมวยไทยขวัญใจชาวไทย ตำนานแชมป์ K-1

บัวขาว บัญชาเมฆ นักมวยไทยขวัญใจมหาชน ที่ผงาดได้แชมป์มาแล้วทั้ง K-1, THAI FIGHT และก็ คุนหลุนไฟต์

ร้อยตรี สมบัติ บัญชาเมฆ คือชื่อจริงของยอดมวยไทย บัวขาว บัญชาเมฆ นักมวยไทย เชื้อสายกูย เกิดวันที่ 8 พ.ค. พ.ศ. 2525

บัวขาว เริ่มต้นชีวิตนักมวยตั้งแต่อายุ 8 ปี ที่จังหวัดสุรินทร์ พออายุได้ 15 ปี ก็ได้เข้ามาขึ้นตรงต่อค่าย ป.ประมุข โดยใช่ชื่อสำหรับการชกว่า ดำทมิฬ เกียรติอนันต์ เขาได้เข้ามาชกมวยไทย ในกรุงเทพ และได้คว้าเข็มขัดแชมป์ มาครอบครองหลายเส้น รวมถึงแชมป์เวทีสยามอ้อมน้อย รุ่นเฟเธอร์เวท, แชมป์ประเทศไทย รุ่นเฟเธอร์เวท และแชมป์ที่ เวทีสยามอ้อมน้อย รุ่นไลท์เวท

ในปีพ.ศ. 2545 บัวขาวได้ชนะเลิศมวยไทย มาราธอนโตโยต้า รุ่น 140 ปอนด์ ที่สนามมวยเวทีลุมพินี ชนะโคบายาชิ นักมวยโด่งดังจากญี่ปุ่น

จนในปีพ.ศ. 2547 บัวขาว ได้ไปชกที่ประเทศญี่ปุ่น ในรายการ K-1 World MAX 2004 ที่จัดขึ้นที่กรุงโตเกียว โดยการชกในรายการ K1 เป็นการชกแบบทัวร์นาเมนต์ แพ้คัดออก

โดยในรอบแรกบัวขาว พบกับ จอห์น เวย์น พาร์ (John Wayne Parr) นักมวยไทยชาวออสเตรเลีย ในรอบที่สองพบกับ โคะฮิรุมาคิ ทากะยูกิ รวมทั้งในรอบชิงแชมป์ พบกับ มาซาโตะ แชมป์เก่าชาวญี่ปุ่น และก็บัวขาว ก็สามารถชนะมาได้แบบไม่ยากเย็น และก็เอาเข็มขัดแชมป์ K1 มาครอบครองได้สำเร็จ

เกียรติประวัติ

1แชมป์ประเทศไทย รุ่นเฟเธอร์เวท (ที่สนามมวยลุมพินี) ปี 2544
2แชมป์ K-1 World MAX champion ปี 2004 และ 2006
3แชมป์ 2010 Shoot Boxing S-Cup World champion ปี 2553 คนไทยคนแรก และคนเดียวในประเทศไทย
4แชมป์ สภามวยไทยโลก ในพระบรมราชูปถัมภ์ WMC World champion ปี 2549, 2552, 2554, 2557
5แชมป์ สภามวยโลก WBC Muaythai Diamond World Championship ปี 2557
6แชมป์ ไหว้ครูมวยไทยสวยงาม สนามมวยลุมพินี ปี 2545
7ถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แชมป์มวยไทยไฟท์ ปี 2554, 2555
8ถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รางวัลนักกีฬาอาชีพดีเด่น ปี 2555
9ถ้วยพระราชทาน กษัตริย์อัลแบร์ตที่ 2 แห่งโมนาโค แชมป์ “มอนติคาโล ไฟต์ติง มาสเตอร์” ปี 2557

ทรงเบลล่า

อุ๊ย! "เบลล่า ราณี" ว่ายังไงบ้าง เจอซิลิโคลนเถื่อนแอบอ้างตั้งชื่อ ทรงเบลล่า?

เบลล่า ได้มีโอกาสออกมาสะสางประเด็นร้อนกับสื่อมวลชนในงาน แว่นท็อปเจริญ โครงการแว่นตาเพื่อพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนใต้ สำหรับ นางเอกซุปตาร์ ราณี แคมเปน หลังมีกระแสข่าวกรณี ซิลิโคนเถื่อน ใช้ชื่อเจ้าตัวไปแอบอ้างในทำนองว่า ทรงเบลล่า จนนำไปสู่ความเข้าใจผิดในหมู่คนทำศัลยกรรม

ซึ่งนอกจากนางเอกสาวจะออกมาพูดถึงความรู้สึกเกี่ยวกับประเด็นนี้ ให้บรรดาสื่อมวลชนได้ฟังแล้ว เจ้าตัว ก็ยังอัปเดตแพลนฉลองวาเลนไทน์ปี 2566 อีกด้วย

บริจาคเงิน 100,000 บาท ให้กับโรงเรียน ?

นานแล้วนะคะ คือ ถ้าใครบอกบุญมา มีโอกาสก็ทำค่ะ แต่สำหรับยอดนี้ เบล ทำให้โรงเรียนคุณแม่ ซึ่งน้องๆเขายังไม่มีสนามฟุตซอล เบล ก็เลยเหมือนเป็นเจ้าภาพ (ยิ้ม) คือ ถ้าหากเบลมีกำลังช่วยได้ เบลก็จะช่วยเท่าที่มีกำลัง จริงๆ มันเป็นเหมือนจุดมุ่งหมายของเบลด้วยแหละ เรา มีทรัพย์ เรา ก็ส่งต่อช่วยเหลือคนอื่น วัด โรงพยาบาล โรงเรียน ต่างๆ เท่าที่มีโอกาส ทำแล้วสบายใจค่ะ

โรงงานซิลิโคน เอาชื่อเราแปะหน้ากล่อง และ เป็นซิลิโคนที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซิลิโคนทรงเบลล่า ?

อุ๊ย จำเป็นต้องดูกันดีๆนะ ถ้าจะทำศัลยกรรม เรา ต้องดูสถานที่ให้ปลอดภัย คือ… การทำให้ตนเองสวยขึ้นไม่ผิดนะคะ แต่เราต้องเช็กให้ดีๆด้วย เพราะเหตุว่า มันคือเรื่องของความปลอดภัย

เบลล่า ราณี

มีชื่อเราไปเกี่ยวข้องอย่างนี้ ซีเรียสไหม ?

ยังไม่เห็นข่าวสารเลยคะ แต่นับได้ว่าเป็นคำชมละกันค่ะ (หัวเราะ) ดูดีๆนะคะ

เราเป็นห่วงไหม เพราะเหตุว่า บางเคส ก็มีผลข้างเคียง ?

เป็นกำลังใจให้นะคะ เบลก็ขอให้หายไวๆ

รู้สึกยังไงบ้าง ที่มีบางคนเอาหน้าเราไปเป็นแบบทำศัลยกรรม ?

ดีใจค่ะ เบล ถือว่า นั่นเป็นการชื่นชมอย่างหนึ่ง เขา ต้องการมีหน้าเหมือนเราก็โอเค แต่ว่าอันที่จริงแล้ว ทุกคน ก็สามารถสวยได้ในแบบของตนเองค่ะ

รู้สึกยังไงบ้าง ที่เราเป็นบล็อกยอดนิยม ?

ขอบคุณค่ะ แต่ว่าก็จะต้องศึกษาข้อมูลดีๆด้วย อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ

วาเลนไทน์ปีนี้ มีแพลนอะไรบ้าง ?

ไม่มีอะไรเลยค่ะ ถือว่าเป็นหนึ่งวันทำงาน เป็นวันวันหนึ่ง (ยิ้ม) ก็รอดูละกันค่ะ ว่าจะเป็นอย่างไร แต่ว่าไม่เหงาค่ะ คนรอบข้างเติมเต็มความรักได้ดีมากๆอยู่แล้ว ครอบครัว เพื่อนฝูง น้องหมาน้องแมว

โสดเหมือนเดิมไหม ?

โสดค่ะ สนิทค่ะ รอดูดอกไม้ก็ได้ค่ะ (หัวเราะ)

” เบลล่า ” ฉลองตรุษจีนกับครอบครัว น่ารักสอนยายโพสท่า Y2K

ถึงจะโสด แต่ว่าบอกเลยว่า นางเอกสาว ราณี แคมเปน ไม่มีเหงา เพราะว่า ทั้งยังคิวงานที่แน่นทั้งปี แถมยังมีครอบครัวที่อยู่เคียงข้าง โดยเฉพาะ คุณแม่ปราณี ที่ตัวติดกับลูกสาวสุดที่รักตลอด

และ ล่าสุด ในตอนเทศกาลวันตรุษจีน กับภาพสุดอบอุ่นที่ เบลล่า ได้โพสต์ลงลงอินสตาแกรม ภาพที่อยู่พร้อมหน้าคุณแม่ และก็ ญาติๆ เหมือนเช่นเคย

งานนี้ เบลล่า ยังกมือไหว่งามๆ เพราะ ได้รับซองอั่งเปาด้วย และ ความน่ารัก เมื่อ ราณี แคมเปน ได้สอนให้คุณยายทำท่าโพสถ่ายรูป Y2K ชูสองนิ้วขึ้นมาถ่ายภาพคู่หลานสาวคนสวย เป็นช็อตที่แฟนคลับ มองเห็นแล้วจะต้องยิ้มตาม

โมเมนต์สุดอบอุ่นของบ้านเบลล่า ที่ช่างน่ารักเอ็นดูจริงๆ

ซิลิโคลนเถื่อนแอบอ้างตั้งชื่อ ทรงเบลล่า

สวยรวย ” เบลล่า ” เผยของขวัญจากแม่เป็นที่ดินริมโขง เรื่องหัวใจไม่โฟกัส

ราณี แคมเปน เปิดเผยคุณแม่ซื้อที่ดินริมโขง 3 ไร่ ให้เป็นของขวัญ เรื่องหัวใจไม่โฟกัส ขอตัวเองรวยก่อน

นางเอกสาว ราณี แคมเปน เปิดใจกลางงาน Surprisingly Bata CinderBella ถึงของขวัญที่ดินริมโขง 3 ไร่ ที่แม่ปราณี ซื้อให้ บอกเป็นที่ดินที่เคยดูกับแม่ ไว้นานแล้ว ถือว่าเป็นการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ หลายๆคน ยกให้เป็นเศรษฐินีด้านที่ดิน เจ้าตัว บอกมีพอประมาณ แต่ว่าไม่ใช่เศรษฐี

“วันเกิดก่อนหน้าที่ผ่านมา ค่อนข้างเรียบง่ายค่ะ ไปทำบุญกันพร้อมกับแฟนๆ มีฟู้ดทรัคร่วมรับประทานอาหารเบาๆ วันเกิดปีนี้ ไม่ได้ซื้ออะไรเป็นของขวัญให้ตัวเองเลย ในตอนนั้น ได้เดินทางไปญี่ปุ่น ก็นับว่าเป็นของขวัญ เป็นการได้พาคุณแม่ไปเที่ยวค่ะ”

“ของขวัญจากคุณแม่ เป็นที่ดินแม่ซื้อให้อยู่ที่นครพนม พึ่งจะซื้อเมื่อต้นเดือน แม่จะเซอร์ไพรส์ แต่ว่าเบลทราบก่อน ด้วยเหตุว่า คุณแม่ให้เบลมาเซ็นเอกสาร”

“ที่ดิน เป็นที่ที่เคยไปดูด้วยกันกับแม่ เป็นที่ริมโขง มองดูเอาไว้ว่ามันเหมาะสม ไม่ใหญ่เกิน ไม่เล็กเกินจนไป มูลค่าไม่ทราบเลย เนื่องจาก คุณแม่เป็นคนเก็บเงินทุกบาท ได้เรื่องของการลงทุน และก็ ทรัพย์สิน”

“ยังไม่ได้คิดเลยว่า จะเอาไปทำอะไร เพราะว่า ตอนแรกที่ดูไวตั้งใจไว้ว่า จะซื้อให้เป็นของขวัญให้กับแม่ แต่คุณแม่มาชิงซื้อให้ก่อน ที่ดินไม่ใหญ่ค่ะ ประมาณ 3 ไร่ ไม่ได้เป็นเศรษฐีที่ดินนะคะ แต่ว่าคุณแม่จะเป็นคนดูแลทุกอย่างให้ ซื้อประกันต่างๆ แม่ดูแลให้หมด”

“บ้านใหม่ เบลซื้อให้แม่หลายปีแล้ว แถวละแวกเดิมค่ะ พึ่งจะรีโนเวทเสร็จก็เลยได้ฤกษ์ย้าย กว่าจะสวยก็หมดไปเยอะแบบไม่ได้ตั้งใจ เบล ไม่ค่อยชอบบ้านที่ใหญ่มาก ห้องใหญ่สุด คือ ทำเป็นห้องแต่งตัวของเบลเอง ช่วงแรกที่ยังไม่ได้ซื้อบ้าน รู้สึกว่า จะซื้อโกดังไว้เก็บของ”

เรื่องคอมเมนต์ถูกใจแคปชั่นของ มิน พีชญา

“เรา แข่งกับเขาไม่ได้นะ เนื่องจากว่า เขาเป็นเจ้าของหมู่บ้านนะคะ (หัวเราะ) ชื่นชมเขาค่ะ นิสัยดีมีที่ดิน แต่ว่าไม่ให้ใครนะคะ เพียงแค่มีเฉยๆ (ยิ้ม)”

” ทุกๆวันนี้ ทำงานทุกวันเลย เลือกที่ความสุข รวมทั้ง ความสบายใจ ที่สำคัญเบลจะต้องรวยค่ะ (หัวเราะ)”

“ไม่ได้มีเวลาคุยกับใครเลย ตอนนี้จะต้องนอนก่อนค่ะ ยังคงคอนเซ็ปต์เดิมเลย ต้องหาเวลาให้ตนเองก่อน “

ดราม่าชุดไหว้

ดราม่าชุดไหว้ "ศาลพระพรหม" หลักหมื่น คนจีนจ่ายแพงจริงไหม แม่ค้าแจงเองมีอะไรบ้าง

ดราม่าชุดไหว้ กลายเป็นเรื่องราวดราม่าในโลกออนไลน์ เมื่อมีผู้โพสต์คลิปวีดีโอเหตุการณ์ ระหว่างที่ “นักท่องเที่ยวชาวจีน” กำลังซื้อดอกไม้และชุดบูชาไหว้ “ศาลพระพรหม” แยกราชประสงค์ ราคากว่า 10,000 บาท จนส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงราคาดังกล่าว ว่าขายแพงเกินความจำเป็นไหม พร้อมตั้งคำถามว่าเป็นการเอาเปรียบ นักท่องเที่ยวหรือไม่

จากเรื่องดังกล่าว แม่ค้าขายดอกไม้และชุดบูชาที่ปรากฏในคลิป เล่าว่า เมื่อช่วงวันตรุษจีนก่อนหน้านี้ มีนักท่องเที่ยวคนจีนโดยประมาณ 10 คน มาสอบถามราคาดอกไม้และชุดบูชา โดยมีไกด์คนไทยช่วยเสนอแนะ ซึ่งแม่ค้าก็ได้ชี้แจงว่า มีดอกไม้แล้วก็ชุดบูชาจัดเป็นชุดหลากหลายราคาให้เลือก ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าว ก็ตัดสินใจซื้อชุดบูชา ราคา 1,200 บาท จำนวน 2 ชุด, ชุดบูชา ราคา 900 บาท จำนวน 2 ชุด รวมทั้งชุดบูชา ราคา 600 บาท 2 ชุด

นอกจากนี้ ยังมีนักท่องเที่ยว 4 คนในจำนวนนั้น อยากปล่อยนกเขา ก็เลยซื้อนกเขาจากร้านข้างๆคนละ 4 ตัว ราคาตัวละ 500 บาท รวมเงินที่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จ่ายค่าดอกไม้, เครื่องบูชา แล้วก็นกเขาให้กับแม่ค้า เป็นเงินทั้งหมด 13,400 บาท

ดราม่าชุดไหว้ ราคากว่า 10,000 บาท
สำหรับในวันที่เกิดเหตุนั้น ดราม่าชุดไหว้ ระหว่างที่มีการพูดซื้อขายดอกไม้และเครื่องบูชาอยู่

ก็มีชายคนหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่กลุ่มนักเดินทางดังกล่าว จับโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิป เมื่อถามว่าถ่ายไปทำไม ชายคนดังกล่าวก็ไม่ได้ตอบอะไร จนกระทั่งมาทราบอีกทีว่า คลิปดังกล่าว ได้ถูกโพสต์ลงในโลกโซเชียล จนกระทั่งทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า แม่ค้าเอาเปรียบนักเดินทาง ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ที่สำคัญคือทำให้ชื่อเสียงของประเทศไทย ได้รับผลพวงไปด้วย

“ยืนยันว่าตลอดเวลากว่า 30 ปีที่ขายมา ไม่เคยเอาเปรียบนักเดินทาง มีการแจ้งราคาให้ดูแคตตาล็อกดอกไม้และชุดบูชา ให้กับนักเดินทางทุกครั้ง เพื่อประกอบการตกลง” แม่ค้าขายดอกไม้และชุดบูชา กล่าว

ทางด้านไกด์นำเที่ยวรายหนึ่ง เปิดเผยถึงเหตุดังกล่าวว่า ถ้าวันไหนที่คนน้อย หรือวันนั้นมีดอกไม้ที่ดูสดเข้ามา ราคาจะขยับแพงขึ้นอีก รวมทั้งถ้านักท่องเที่ยวบางคนเดินทางมาไหว้เอง ไม่ได้ผ่านกลุ่มทัวร์ ราคาที่คิดออกมาก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง

ในขณะที่ พลตำรวจตรี อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการกำชับผู้ค้าอย่าเอาเปรียบนักเดินทาง จะต้องแจกแจงราคาดอกไม้และเครื่องบูชา กับนักเดินทางทุกหน ไม่งั้นจะจัดการตามกฎหมาย ซึ่งหลังจากที่กำชับไปก็ยังไม่ได้ มีการรับเรื่องร้องเรียนจากนักเดินทางแต่อย่างใด ซึ่งราคาดอกไม้และเครื่องบูชา ของร้านค้าที่อยู่รอบๆ นอกศาลจะมีราคาสูงกว่า ร้านจำหน่ายในศาล ซึ่งคือเรื่องธรรดาอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ประเด็นดังกล่าว ยังเป็นที่โต้แย้งกันต่อในโลกออนไลน์ โดยบางส่วนเปิดเผยว่า เคยไปไหว้เหมือนกันแต่ราคาไม่ถึงหลักหมื่น เวลาที่บางส่วนบอก หลักหมื่นก็มีเช่นเดียวกัน ซึ่งราคาของแต่ละร้าน ก็จะแตกต่างกัน แต่ส่วนมากที่เห็นไปทางเดียวกันคือ ทุกร้านควรจะติดป้ายราคา บอกให้ชัดเจน เพื่อความชัวร์ที่สุด

ศาลพระพรหม ราคากว่า 10,000 บาท

แม่ค้า โต้ปม ดราม่าชุดไหว้ ชุดไหว้ศาลพระพรหม หลักหมื่น แจงวันที่เกิดเหตุ ทำไม่สบายใจ

แม่ค้า โต้ปม ราคาดอกไม้ หลักหมื่น หลังจากคลิปแชร์ว่อน นักเดินทางจีน เจอฟาดราคามหาโหด ชุดไหว้ ศาลพระพรหม รอบๆแยกราชประสงค์ แจงวันที่เกิดเหตุ

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 28 เดือนมกราคม 2566 ที่ศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ผู้สื่อข่าวลงพื้นตรวจสอบข้อเท็จจริง แล้วก็ได้พูดคุยกับแม่ค้า ที่ขายดอกไม้ข้างหน้าทางเข้า พระพรหมเอราวัณ ภายหลังมีคลิปว่อนโลกโซเชียลมีเดียว่า นักเดินทางจีน มาไหว้ศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ เจอแม่ค้าไทยคิดราคาดอกไม้ สำหรับสักการะบูชาพระพรหมหลักหมื่น ก็เลยเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก

แม่ค้ารายหนึ่ง ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ตนเห็นคลิปดังกล่าว แล้วรู้สึกกังวลใจ เนื่องจากเป็นคลิปที่เห็น เพียงแง่มุมเดียว ตนจำเรื่องที่มีนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ มาไหว้บูชาพระพรหมได้ เกิดขึ้นในตอนตรุษจีน เมื่อสัปดาห์ก่อน โดยเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนมาไหว้ 7-8 คน มีไกด์คอยนำเที่ยวและดูแลความสะดวกด้วย

แม่ค้า กล่าวต่อว่า ลักษณะของนักเดินทางกลุ่มนี้ มิได้มาไหว้สักการะพระพรหมธรรมดา แต่ว่ามาแก้บนด้วย จึงได้บูชาหลายอย่าง ทั้งดอกไม้ ธูปเทียน หมากพูล ตุ๊กตานางกวัก ช้าง และปล่อยนก ซึ่งราคาของสำหรับไหว้บูชาพระพรหม มีหลายราคาแล้วแต่ลูกค้าจะตัดสินใจ

ถามว่า เครื่องสักการะพระพรหมแพงถึงหลักหมื่นหรือไม่

แม่ค้าให้ข้อมูลว่า “มีถึงหลักหมื่น” ซึ่งเป็นราคาที่ลูกค้าพึงพอใจที่จะจ่าย อาทิเช่น นักเดินทางคนจีนบางกรุ๊ป อยากจะซื้อรูปปั้นช้างมากราบไหว้ บางตัวราคาหลักหมื่น หลักแสน แล้วแต่แบบ แล้วแต่ขนาด ซึ่งลูกค้าก็ต้องการจะได้ตัวใหญ่ ราคาก็จะสูงมากขึ้น ซึ่งพวกเขาก็จะทราบกันดีอยู่แล้ว

แม่ค้า กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนรู้สึกเสียใจที่มีชาวเน็ต แสดงความเห็นว่าแม่ค้าไทยเอาเปรียบนักเดินทาง การันตีว่า คลิปที่เผยแพร่ออกไป ทำให้แม่ค้าที่ขายของอยู่บริเวณดังกล่าว ได้รับความเดือดร้อน เพราะมันไม่เป็นความจริงเลย

มีรายงานว่า จุดที่ขายดอกไม้จะมีด้านนอกบริเวณทางเท้า และข้างในบริเวณทางเข้าศาล ซึ่งทั้ง 2 จุด มีความแตกต่างกันเรื่องการติดป้ายาคา ภายในศาลจะมีการติดป้ายราคาอย่างชัดเจน โดยดอกไม้เริ่มตั้งแต่ 50 บาท ไปจนชุดละ 300 บาท

ด้าน นายกิตติภพ พงศ์พัทธ์พุทธิมา ไกด์ ที่พานักท่องเที่ยวชาวจีน มากราบไหว้สักการะบูชาพระพรหม พูดว่า ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมายังไม่เคยเจอเรื่องลูกทัวร์ถูกหลอก ซื้อดอกไม้ไหว้พระพรหมหลักหมื่นบาท

แต่ว่าบางคนก็ชอบจัดชุดใหญ่ หรือชอบมาแก้บน ก็จะจ่ายหนัก เพื่อแก้บนและไหว้ขอพรก็มี ซึ่งก็เป็นความพึงพอใจของนักเดินทาง แต่ว่าในฐานะที่เป็นไกด์ ก็จะแนะนำให้นักท่องเที่ยวไปซื้อในศาล จะดีที่สุด เนื่องมาจากมีราคาป้ายแปะบอกไว้ชัดเจน

ศิลปะ

คุยเรื่องเมืองและศิลปะ กับรองผู้ว่าฯ “ศานนท์ หวังสร้างบุญ”

Highlight เทศกาล ศิลปะ

Colorful Bangkok 2022 เทศกาลศิลปะ แสงสี และก็ ดนตรีในกรุงเทพฯ จัดขึ้นในตอนพฤศจิกายน 2565 – มกราคม 2566 นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “12 เทศกาลตลอดปีทั่วกรุงเทพฯ” มีเป้าหมายให้กรุงเทพฯ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง พร้อมการกระตุ้นยอดขายให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ
ศิลปะไร้พรมแดน รวมทั้ง ครอบคลุม ไปถึงงานสร้างสรรค์ที่หลากหลาย นั่นเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่กรุงเทพฯ ต้องเก็บรวบรวม และ ทำให้เข้าถึงทุกคนอย่างแท้จริง ซึ่งกรุงเทพฯ จำเป็นต้องต้องให้การสนับสนุน รวมทั้ง สร้างความร่วมมืออย่างทั่วถึง พร้อมช่วยประชาสัมพันธ์งานต่างๆที่เกิดขึ้นในระหว่าง 3 เดือนของเทศกาลอย่างเต็มที่
หัวใจของ “Festival Economy” คือ ยกระดับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวโยงกับศิลปะ พร้อมทั้ง สร้างเศรษฐกิจให้กับเนื้อเมือง หรือ เขตต่างๆของกรุงเทพฯ ซึ่งการจัดเทศกาลจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ตลอดถึงการต่อยอดเศรษฐกิจในด้านต่างๆ

“กรุงเทพมหานคร” นับว่าเป็นเมืองหลวงที่มีสีสันมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทั้งยังในด้านอาหาร วัฒนธรรม แล้วก็ ศิลปะ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาสัมผัสตลอดทั้งปี และ สร้างเม็ดเงินให้กับประเทศไทยอย่างมากมายมหาศาล ทว่าการระบาดของโรคโควิด-19 ก็ทำให้เมืองมากสีสันแห่งนี้ เงียบเหงาลงไปอย่างน่าเศร้าใจ การทำให้กรุงเทพฯ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

ก็เลยกลายเป็น “เป้าหมายสำคัญ” ของชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการคนปัจจุบันของกรุงเทพฯ เกิดเป็นเทศกาล “Colorful Bangkok 2022” ที่จัดขึ้นในตอนพฤศจิกายน 2565 – มกราคม 2566 ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “12 เทศกาลตลอดปีทั่วกรุงเทพฯ”

มีเทศกาลที่น่าสนใจตลอดทั้งปี เพื่อคนกรุงเทพฯ และ นักท่องเที่ยว เหมือนกับการกระตุ้นยอดจำหน่ายให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ

เทศกาล Colorful Bangkok 2022 เป็นความร่วมมือของเครือข่ายภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม รวมทั้ง ประชาชน ที่มาร่วมกันสร้างสรรค์งานศิลปะ ดนตรี และ แสงสี เพื่อทำให้กรุงเทพฯ กลับมามีสีสัน และก็ ชีวิตชีวาอีกครั้ง

ซึ่งได้มีโอกาสพูดคุยกับ “ศานนท์ หวังสร้างบุญ” รองผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ผู้เป็นกำลังสำคัญของการจัดเทศกาลยิ่งใหญ่ ในช่วงปลายปีครั้งนี้

Colorful Bangkok 2022 เทศกาลศิลปะ แสงสี

กรุงเทพฯ เมืองแห่งสีสัน

“เกิดจากความท้าทายหลายอย่าง ได้แก่ เรา เพิ่งผ่านวิกฤตโควิด-19 พวกเราเพิ่งจะเปิดประเทศ เป็นปีแรกที่พวกเราจะได้ลอยกระทง เป็นปีแรกที่พวกเราจะได้ออกมาเจอหน้าคน และก็ เป็นปีแรกที่จะมีนักท่องเที่ยวเกิน 10 ล้านคน ผม มีความรู้สึกว่า ทุกคนพร้อมใจอยากจัดอะไรบางอย่าง

โดยเหตุนั้น หน้าที่เมือง คงไม่ใช่คนที่มาจัดอีกคนหนึ่ง แต่หน้าที่ของเมือง คงเป็นคนอำนวยความสะดวกมากกว่า เป็นคนดึงคนซ้ายมาเจอคนขวา ดึงคนหน้ามาเจอคนหลัง ดึงคนที่เก่งด้านไฟมาเจอคนเก่งดนตรี ดึงคนเก่งสถานที่มาเจอคนที่เก่งเรื่องการทำศิลปะ” ศานนท์ เริ่มต้นอธิบาย

เทศกาล Colorful Bangkok 2022 เป็นเทศกาลศิลปะที่จัดครอบคลุมตลอดทั้ง 3 เดือน ระหว่างพฤศจิกายน 2565 – มกราคม 2566 เพื่อเปิดพื้นที่สาธารณะ จัดกิจกรรมให้คนกรุงเทพฯ คนจากจังหวัดอื่น และ นักท่องเที่ยว ได้สัมผัสงานศิลปะหลากหลายรูปแบบ ดูแสงไฟตามสถานที่สำคัญทั่วเมือง รวมทั้ง สนุกสนานไปกับดนตรีที่จะจัดขึ้นในสวนสาธารณะของกรุงเทพฯ

ซึ่งนับว่าเป็นการร่วมมือกันของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวโยง แล้วก็ มี กทม. เป็นผู้ช่วยเหลือประสานงาน แล้วก็ ให้การส่งเสริม

“ผมว่า อันนี้เป็นบทบาทของ กทม. ซึ่งพวกเราก็ทำอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ธันวาคม มกราคม เรา มั่นใจว่า 3 เดือนนี้เป็น 3 เดือนที่สำคัญที่สุดของปี 2022 จนไปถึงต้นปี 2023 เพราะเหตุว่า คือปีหัวเลี้ยวหัวต่อที่เราต้องดึงนักท่องเที่ยวให้ได้มากที่สุด แข่งขันกับเมืองอื่น

เพราะเหตุว่า กรุงเทพฯ พวกเรา มีอะไรที่มีชีวิตชีวา และ คงจะไม่มีช่วงไหนที่เมืองจะมีสีสันได้เท่าช่วง 3 เดือนนี้แล้ว” ศานนท์ กล่าว

ศิลปะ เชื่อมคน เชื่อมเมือง

ศิลปะไร้พรมแดน รวมทั้ง ครอบคลุม ไปถึงงานสร้างสรรค์ที่หลากหลาย เช่น จิตรกรรม กราฟิตี้ ร้องเพลง เต้นรำ เป็นต้น ซึ่งความหลากหลายของงานศิลปะนี้เอง ที่เป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่กรุงเทพฯ ต้องรวบรวม และก็ ทำให้เข้าถึงทุกคนอย่างแท้จริง

ซึ่งศานนท์ กล่าวว่า กรุงเทพฯ จำเป็นต้องให้การส่งเสริม และ สร้างความร่วมมืออย่างทั่วถึง กับช่วยประชาสัมพันธ์งานต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่าง 3 เดือนของเทศกาลอย่างเต็มที่

“ศิลปะกว้าง เพียงพอที่จะห่อหุ้มทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้น แล้วพวกเราก็เชื่อว่า ต้องมีสักเดือนที่พวกเรา ให้ความใส่ใจกับสิ่งที่เป็น soft power เรา พูดถึงอะไรที่จับต้องได้มามาก แต่ว่าบางทีศิลปะ ก็เป็นเรื่องที่จับต้องได้ยาก

เราในฐานะเมือง พวกเรา ก็เลยต้องดึงสิ่งที่จับต้องไม่ได้ มาเป็นธีมให้ได้ แล้วมันก็บางทีก็อาจจะเป็นจิตวิญญาณของหลายคน ผมมีความรู้สึกว่า คนที่ขับเคลื่อนด้วยศิลปะมีเยอะแยะมาก แล้วก็ สังคมก็ขับเคลื่อนด้วยการอยู่กันแบบนี้

โดยเหตุนี้ เมืองไม่ใช่สิ่งก่อสร้าง แต่เมืองคือผู้คน ผู้คนขับเคลื่อน และ มีจิตวิญญาณที่ห่อหุ้มด้วยศิลปะ และ ศิลปะก็เป็นส่วนหนึ่งที่เราต้องขับเคลื่อน และ สนับสนุน” ศานนท์ ชี้

Highlight เทศกาล ศิลปะ

ศิลปะ เพื่อเศรษฐกิจของเมือง

“ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปากท้องต้องเดินตลอด เทศกาลอะไรแบบนี้ ก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น แล้วก็ มันจะทิ้งคำถามบางอย่างเอาไว้มากกว่า อย่างตอนที่พวกเราจัดกรุงเทพกลางแปลง มันก็ทิ้งคำถามว่า แล้วอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในช่วงเวลานี้ เป็นอย่างไร

พอเรามองเห็นข้อนี้ พวกเรา ก็เอางานเทศกาลมาจุดประกาย พวกเรา เอางานเทศกาลมาทำให้คนเห็นว่า มันมีรูปแบบของการดูหนังแบบนี้ด้วย ผมว่า ก็คล้ายๆกัน Colorful Bangkok 2022 บางครั้งก็อาจจะเป็นตัวจุดประกายให้อุตสาหกรรมสตรีทอาร์ต อุตสาหกรรมละคร อุตสาหกรรมเทศกาลศิลปะชุมชน” ศานนท์ ระบุ

นอกจากการ “จุดประกาย” คำถามต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับงานศิลปะ และก็ ความริเริ่มคิดสร้างสรรค์แล้ว กรุงเทพมหานคร ก็ตั้งเป้าหมายที่จะยกระดับอุตสาหกรรมนั้นๆ พร้อมกับสร้างเศรษฐกิจให้กับเนื้อเมือง หรือ บริเวณต่างๆของกรุงเทพฯ

ซึ่งการจัดเทศกาลที่เกิดขึ้น จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ตลอดถึงการต่อยอดเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ ถือเป็นหัวใจของ“Festival Economy” ที่ต้องดำเนินต่อไป

“พวกเรา อาจจะไม่หยุดระดับเมือง พวกเรา ต้องไประดับนานาชาติ แล้วพวกเราต้องไปในระดับโลก ผมว่า พวกเราต้องวางเป้าแบบนั้น ผมมีความคิดว่า กรุงเทพฯ มีความสามารถสูงมาก เรา เชื่อเหลือเกินว่า ปีหน้า หรือ ปีต่อไป ยังไงเราต้องเป็นระดับโลก เรา ต้องปักหมุดให้ทั่วทั้งโลกต้องมากรุงเทพฯ มันต้องเกิดขึ้นแน่” ศานนท์ กล่าวปิดท้าย

เอ๋ อัจฉรา เปิดใจครั้งแรก

"เอ๋ อัจฉรา" หลายโรครุมเร้า ไต-หัวใจวายเฉียบพลัน เปิดใจรอดตายปาฏิหาริย์

อดีตนางเอกจักรๆวงศ์ๆ เอ๋ อัจฉรา เปิดใจครั้งแรก ภายหลังป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ทรมานกระทั่งไม่อยากตื่น ปัจจุบัน รอดชีวิตปาฏิหาริย์จากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน และ ไตวายเฉียบพลัน

อาการหนักถึงกับขนาดตาบอด และ อะไรที่ทำให้เจ้าตัวกลับมาดำเนินชีวิตปกติได้ ผ่านทางรายการคุยแซ่บ Show ทางช่องวัน31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา และก็ บูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

ได้ยินข่าวมาว่าพี่ เอ๋ ป่วย ย้อนกลับไปมีโรคอะไรบ้าง?

เริ่มตั้งแต่เป็น SLE ก่อน เท่าที่รู้กัน เรา ไม่สามารถหาสาเหตุมันได้ แต่ว่าเป็นโรคซึ่งสามารถกระทบกับทุกส่วนของร่างกายได้ แล้วมันก็ขึ้นสมอง ทำให้เส้นเลือดสมองตีบ ผ่าสมอง แล้วมันมาเกาะที่หัวใจ ทำให้หัวใจหัวใจวายเฉียบพลัน เรา ก็จำเป็นต้องใส่ขดลวดหัวใจ ล่าสุด ก็คือลงไต

พี่เอ๋รู้ตอนไหนว่าเป็น SLE?

ในตอนนั้นที่ถ่ายแบบเยอะๆที่ประตูน้ำ มันก็ 20 กว่าปีแล้ว ในตอนนั้น พี่เริ่มเป็นปีกผีเสื้อ เป็นผื่น ตอนแรก คิดว่า แพ้แดด

แต่พอมันเป็นหนักขึ้นเริ่มปวดตามข้อ ข้อเริ่มบวม ก็เริ่มไปตรวจหาสาเหตุที่ละเอียดขึ้น ถึงได้พบว่า เป็น SLE ซึ่งในขณะนั้น ก็ไม่รู้หรอกว่า SLE คืออะไร แต่ว่ารู้ว่า มันเป็นโรคพุ้มพวง แพ้ภูมิตนเอง

สิ่งที่เราจะต้องดูแลตนเองในตอนนั้นยังไงบ้าง?

ในเวลานั้น ยังไม่น่ากลัว แค่รู้ว่าเป็นผื่น แต่พออยู่นานไป มันมีผลกระทบต่อไต ต่อสมอง ทำไมเราหันไม่ได้ ทำไมเลือดไหลออกทางหู ทำไมเลือดกำเดาไหลตลอด ทำไมข้อถึงบวม

ในช่วงที่ทราบว่า ตัวเองเป็น จนกระทั่งเริ่มลุกลามไปที่อื่นๆ มันใช้เวลาแค่ไหน เราดูแลรักษาอย่างไร?

ก็ดูแล ตามที่หมดว่า แต่เนื่องจากว่า เป็นช่วงเราหารายได้เยอะ อะไรที่เป็นเงินทำหมด นอนน้อย นอนในรถตู้ ถึงเวลาขึ้นเวที เราขึ้นเวที ว่าจะเสร็จตี 2-3 แล้ว 7 โมงเช้า นัดหมายกองถ่ายละคร ตอนเย็นแคทวอร์ก เดินแบบ ถ่ายแบบ ดูแลตัวเองน้อยมาก

แล้วอาการอื่นๆ เริ่มจากที่รู้ว่า เป็น SLE พอมันเริ่มไปที่หัวใจ ไปสมอง ไต เป็นกี่ปี?

พอมันเป็นเยอะ เราจำเป็นต้องให้เลือด เม็ดเลือดขาวมันจำเม็ดเลือดแดงไม่ได้ มันก็จะกิน พอมันกินกัน เราก็จะต้องให้เลือดพอให้เยอะๆเชื้อโรคแฝงที่อยู่ในเลือด มันไปกระตุ้นมะเร็ง ทุกคนมีเชื้อมะเร็งหมดเลย แล้วบังเอิญพี่แจ็คพอร์ตหน่อย ไปพบเชื้อโรคที่มันเป็นเชื้อแฝง มันกระตุ้นมะเร็งขึ้นมา กลายเป็นโรคมะเร็งเม็ดเบือดขาว

ในขณะรักษามะเร็ง มันก็ขึ้นสมอง ทำให้เส้นเลือดก้านสมองมันตีบ หันไม่ได้ มีเลือดกำเดาไหลตลอด ตอนแรก เข้าใจว่า เราตกหมอน ปวดคอ กระทั่ง 1-2 วัน เริ่มมีเลือดกำเดาไหลเยอะขึ้นเรื่อยๆ มีเลือดออกที่หู ถึงได้ไปตรวจ หมอบอกว่า เกิดจาก SLE ก็เลยผ่าตัดสมองด้วยการเลเซอร์

และก็ ต่อจากนั้นเกล็ดเลือดต่ำ มันไปกินเกล็ดเลือด ภายหลังที่เรารักษามะเร็งแล้ว จำเป็นต้องให้ยา ให้เลือด ทำคีโม มีการแพ้อะไรแบบนี้ พอแพ้ เขาก็ให้เม็ดเลือด กลายเป็นกินเม็ดเลือด พอเม็ดเลือดเราน้อย ปกติคนเรามีเม็ดเลือด 150,000-450,000 แต่ของพี่เหลือประมาณ 9,000 เขาเลยจำเป็นที่จะต้องตัดม้าม ตัดไส้เมตรกว่า

แพทย์ได้บอกไหมว่า ตัดทำไม?

เอาเขาออกไป เพื่อเกร็ดเลือดเราคงที่ พี่ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ระบบมันเป็นอย่างไร แต่คุณหมอ บอกว่า มันเป็นทางเลือกสุดท้าย

เอ๋ อัจฉรา

2 ปีที่แล้วพี่ เอ๋ ก็มีสภาวะซ้อนขึ้นมาอีก ไตวาย?

ไตวายเฉียบพลัน กับหัวใจวายเฉียบพลัน พร้อมกัน คือมันไม่ได้มีอาการแบบเธอกำลังตัวร้อนนะ กำลังเป็นไข้นะ ไม่มีเลย เข้าห้องน้ำตี 3 กว่า คือล้มไป หลังจากนั้นไปรู้ตัวอีกทีที่โรงพยาบาล เขาปั๊มหัวใจ แล้วฉีดยากระตุ้น ถึงได้รู้สึกตัว แล้วทำขดลวด แล้วก็ย้ายไปสถาบันไตภูมิ เพื่อไปฟื้นไต ให้ไตทำงาน

ในช่วงเวลานั้น บวม 78 กิโล มันไม่ขับออก ร่างกายตรงไหนที่มีรู จะมีท่อหมดเลย ยกเว้นหู ส่วนที่ไม่มีท่อก็โดนเจาะให้ ให้อาหารทางสาย ฟอกไต กระตุ้นไต มันจะมีตอนนึงที่กลับมาอยู่บ้านแล้ว เวลาออกไปไหน หลายๆคนถาม ท้องหรอ กี่เดือน ก็เลยให้ดู เลย มันบวมน้ำ

ใช้เวลารักษาที่ไตวาย หัวใจวาย นานไหม?

19 ส.ค. ปี 64 จนถึงต้นเดือนพ.ย. 3 เดือนที่อยู่บนเตียง ไม่ได้ไปไหน ใช้แพมเพิสเป็นห้องน้ำ

อัปเดตนิดนึงในบรรดาทุกโรค?

ไต หัวใจ โรคเบาหวาน ความดัน

อะไรที่ทำให้พี่ยิ้ม คุยเล่น ทำเหมือนฉันไม่มีโรคเลย?

ยอมรับความจริง ปล่อยวาง การบริหารความจริง อ่อ มันเป็นเช่นนั้นเอง รู้จักมันให้ได้ บริหารความทุกข์ให้เป็น แล้วเป็นสุขเอง เมื่อก่อน พี่ใจร้อนไม่ค่อยยอมใคร ตอนนี้ รู้สึกว่า เขาเป็นของเขาแบบนั้น เราก็ปล่อยเขาไป

ตอนนี้ จำเป็นต้องดูแลตนเองยังไง ความคิดเปลี่ยนไปจรากเดิมเลยไหม?

ต้องดูแลตนเองมากเป็นพิเศษ บางวันเห็นพี่อย่างนี้ ไม่แน่ตื่นมาบวม หน้าเบี้ยว ถ้าเกิดเรานอนบนหมอนแล้วหน้าเราบวมขึ้นมามัน ก็จะเป็นดวงจันทร์ครึ่งเสี่ยว ต้องดูแลตัวเองมากตรงนี้ 1.กินยาตรงเวลา 2.ออกกำลังกายเท่าที่ออกไหว พักผ่อนเพียงพอ ไม่เครียดรู้จักปล่อยวาง

ยังจำต้องคุม SLE อยู่ด้วยใช่ไหม?

ใช่อันนี้สำคัญ ยังจำเป็นต้องกินสเตรอย จะต้องให้ยาเคมีอยู่เป็นระยะๆ

พี่เอ๋ป่วยหนักถึงขั้นตาบอด?

มันขึ้นตา มันมีสภาวะน้ำตาลด้วย พอ SLE มันมา พี่ก็ไม่รู้ว่า ระบบของเชื้อโรคมันเป็นยังไง มันเริ่มจากตาบวม สักพักจมูก ปากเริ่มบวม ขณะที่ตากับจมูกเริ่มบวม ตามันก็จะมองไม่เห็น จะค่อยๆบอด โดยที่มันไม่มีแผล ที่เรารู้จัก เพชรชรา เราไม่รู้เลย

ถ้าหากเราเจอท่าน เขามองกันอย่างนี้ แต่ที่จริงแล้วเขามองไม่เห็น พี่ก็เหมือนกัน มองอะไรไม่เห็น ทุกๆอย่างมืด นั่นแหละ ที่พี่ทำใจไม่ได้ แล้วเราจะได้เห็นลูกหรอ คือมองไม่เห็นเลย

หมอรักษาอย่างไร?

เขาฉีดยาเข้าไปในตาเลย เหมือนในตาขาดอ็อกซิเจนด้วย ทุกอย่างก็รีบไปกระตุ้นตา ตอนเขาทำ เราก็รู้สึก แต่ว่าเขามียาชา เหมือนผ่าตัด บอลลูนหัวใจพี่ก็ไม่ได้วางยาสลบนะคะ เพียงแค่บล็อกหลัง เพียงแค่รู้ว่า ขั้นตอนมันเป็นอย่างนี้

ที่ไม่สามารถที่จะมองเห็นเกือบเดือน ในช่วงเวลานั้นทำยังไง?

มีพี่เลี้ยง มีเพื่อนที่คอยดูแล แล้วหลังจากนั้นก็โทรคุยกับลูก คุยกับแม่ แม่ก็จะมาเยี่ยม มาดูแล อยู่ใกล้แพทย์มากเลย เนื่องจาก พี่กลัวตาบอดมาก

อันนี้รู้สึกแย่ที่สุด?

ใช่ๆ เพราะว่า ตัดม้าม ทำอะไรเราไม่เห็น มันอยู่ข้างใน แต่ว่าเราสามารถมองเห็นความสวยงามของโลกนี้ได้ เราใช้ตา เราใช้การมองเห็น พี่มีความรู้สึกว่า สายตาสำคัญ มันไม่เห็นอะไรแล้ว มันเป็นภาระคนอื่น

เอ๋ อัจฉรา เปิดใจครั้งแรกมะเร็งเม็ดเลือดขาว

มีแอบคิดเผื่อไหมว่าจะมองไม่เห็นตลอดไป?

พี่ไม่เคยท้อนะ พี่ไม่คิดมาก เป็นคนคิดบวก ถึงจุดจุดหนึ่งจะรู้สึกว่า ไม่มีอะไรสำคัญ เท่าการมีสุขภาพที่แข็งแรง ถ้าวันหนึ่งพี่ตาบอด พี่เลือกที่จะตายดีกว่า

ถ้าเกิดพี่ตาบอด พี่ไม่สามารถที่จะเห็นความสวยงามบนโลกนี้อีกแล้ว ได้แค่การสัมผัสไปจับ แล้วไม่ทราบว่ามันเป็นอะไร นอกเหนือจากไปชิม หรือ ถามคนอื่น มันไม่ใช่พี่

อันนี้เป็นเหตุผลที่พี่เคยคิดจะไม่อยู่ในโลกนี้?

ทุกครั้งเวลาเราไหว้พระ ขอพร สัจจะธรรมของเราเลย คือขอให้พรุ่งนี้ตื่นมาอย่างสมบูรณ์ แต่ตอนเรื่องตา มีความรู้สึกว่า กราบพระทุกครั้ง จำเป็นต้องกล่าวว่า พรุ่งนี้หนูไม่ตื่นแล้วก็ได้ ถ้าเกิดหนูยังมีบุญอยู่ อย่าทรมานหนูอีกเลย หนูยอมแล้ว ลูกโตแล้ว การมองไม่เห็น มันทรมาน

เห็นกล่าวว่า เป็นเพราะคำพูดของลูกสาวด้วยที่ทำให้พี่อยู่ต่อ คำพูดนั้นคืออะไร?

ไม่มีแม่หนูอยู่ไม่ได้ แม่จำเป็นต้องดูแลตัวเองนะ แม่ต้องเข้มแข็งนะ ไม่มีแม่หนูจะอยู่ยังไง

แพทริเซีย

"แพทริเซีย" ลุยเปิดอู่ปั๊มลูกแล้ว ยิ้มปลื้ม "โน้ต วิเศษ" คลั่งรัก ยิ่งแต่งก็ยิ่งหวาน

เรียกว่ายิ่งแต่งก็ยิ่งคลั่งรักสุดๆสำหรับ โน้ต-วิเศษ รังษีสิงห์พิพัฒน์ สามีของนางเอกสาว แพทริเซีย กู๊ด ที่ปัจจุบันถึงกับลบรูปภาพอินสตาแกรมทั้งหมด ให้เหลือแค่ภาพคู่เก็บไว้เป็นโมเมนต์ดีๆต่อหัวใจ

ปัจจุบัน แพทริเซีย ได้เดินทางมาร่วมงานเปิดตัว บริษัท มดแดง มีเดีย จำกัด ก็ได้ออกมาอัปเดตให้ฟังว่า ในตอนนี้ เดินหน้าเปิดอู่ปั๊มลูกด้วยวิธีธรรมชาติแล้ว ซึ่งหากมีข่าวดีที่แน่นอนเมื่อไร จะรีบออกมาบอกโดยทันที พร้อมเปิดเผยสามีดูแลดียังไง ก็ยังคงดูแลดีแบบนั้น เสมอต้นเสมอปลาย ไม่มีเปลี่ยนแปลง

แพทริเซีย โน้ต วิเศษ ลุยเปิดอู่ปั๊มลูกแล้ว

แพทริเซีย ใน IG โน้ต ลบรูปหมดเลย เหมือนรีสตาร์ทใหม่ เหลือแค่รูปของเรา ?

“ใช่ค่ะ ก็ตกอกตกใจเหมือนกัน ที่เห็นครั้งแรก เขาไม่ได้มาปรึกษาเลยคะ คือ เขาทำไปเรื่อย มาเห็นอีกที คือ รูปหายไป ออกจะเยอะ เขาบอก เขาไม่ได้ลบถาวร มันคือเพียงแค่ซ่อนไว้ เขาบอกเหมือนเป็นอีกขั้นใหม่ของชีวิตแล้ว แต่งงานแล้ว ก็อยากจะขอมองแค่อนาคต เขาพูดอย่างนี้นะ”

พอเขาพูดอย่างนี้ เราชื่นใจไหม ?

“ก็รู้สึกดีค่ะ ที่เขาดูจริงจังกับอนาคต หรือ ชีวิตคู่ของเรา ก็ดีใจค่ะ เน้นทำงานดีกว่า ไม่ต้องเน้นโซเชียลอะไรเยอะแยะก็ได้”

แต่เขาก็เป็นดาว TikTok อยู่นะ ?

“จากที่เล่นขำๆ เปลี่ยนเป็นคนชอบมาก เป็นอาชีพหลักไปแล้ว แล้วมาถ่ายหนูในขณะที่หนูหน้าโทรมๆทุกครั้ง แต่ก็ดีใจค่ะ ที่คนได้มองเห็น ชีวิตเราเป็นแบบนี้ อีกอย่างเหมือนได้เข้าถึงแฟนๆด้วยค่ะ สนุก”

ใน IG เหมือนเราใช้ชีวิตไฮโซหรูหรา แต่ทางด้าน TikTok เหมือนได้มองเห็นอีกมุม ที่ใช้ชีวิตติดดิน ธรรมดาเลย ?

“เหมือน TiKTok จะธรรมชาติกว่า IG เนอะ IG ทุกอย่าง มันจำเป็นจะต้องดูสวยงาม หรือ เป๊ะตลอดเวลา จริงๆ เราก็เบื่อนะ ไม่ต้องเล่นก็ได้ แต่ด้วยงาน มันเลยจำเป็นที่จะต้องเล่นค่ะ ก็ถือว่าให้คนได้เห็นอีกมุมแล้วกันค่ะ ไม่ได้กะทำเอาจริงเอาจังนะ แต่เขาคงมีความคิดเห็นว่า ทำแล้วฟีดแบคดีค่ะ ก็เลยทำเรื่อย”

มีอันไหนที่ขอไหม ว่าอันนี้หน้าไม่ไหวจริงๆไม่ลงได้ไหม ?

“แรกๆ มันจะมีแบบไม่ถ่ายได้ไหมวันนี้ เพราะอะไรจำเป็นต้องยกกล้องถ่ายรูปตลอดเวลา บางครั้ง เรา ก็อยากจะสนุกกับโมเมนต์นั้นๆใช่ไหมค่ะ แต่ภายหลังๆ มันห้ามไม่ได้แล้วไง หน้าสด คิ้วไม่มี หัวฟู เราก็ปลดปล่อยแล้วค่ะ”

แต่เราก็มั่นใจในความสด แต่ยังสวยของเรา ?

“ไม่ได้มั่นใจอะไรเลย แต่มันก็คือพาร์ทของชีวิตเรา”

สามีดูคลั่งรักเรามาก ?

“ก็ดูแลดีเหมือนเดิมค่ะ ตอนนี้ คือ อยู่ด้วยกัน พบกันทุกๆวัน ก็แฮปปี้ค่ะ แต่ว่าในขณะนี้ เราก็ต่างคนต่างลุยงาน ให้กำลังใจกันและกัน”

ยิ่งแต่ง เขาก็ยิ่งดูคลั่งรักเรามาก ?

“ไม่หรอกค่ะ หนูว่าเขาเพียงแค่ต้องการชัดเจนว่า ต้องการโฟกัสอีกพาร์ทของชีวิตแล้ว ต่างคนก็โตแล้วเนอะ แต่งงานแล้ว ก็มาโฟกัสอนาคตกันดีกว่า ไม่ต้องคิดอะไรเยอะมาก ไม่ต้องมองสิ่งที่ผ่านมา”

แพทริเซีย โน้ต วิเศษ

เขาเทคแคร์ แพทริเซีย เพิ่มขึ้นเรื่อยๆกว่าแต่ก่อนไหม ?

“เหมือนเดิมค่ะ คือเขาเป็นคนที่เสมอต้นเสมอปลายมาก รักยังไงก็ยังรักอย่างนั้น ก็ขอให้เป็นอย่างนี้ไปนานๆ”

เราได้มีมุมแม่บ้าน ทำอาหารให้เขาทานบ้างหรือยัง ?

“ยังเลย พอเราทำงาน เขาก็แค่พูดว่า ยูขยันทำงานก็พอแล้ว ต้องการให้เรามีอะไรเป็นของตนเอง สร้างเนื้อสร้างตัวให้เราภูมิใจ เขาขอเท่านี้จริงๆเลย ส่วนอาหาร ยังไม่ได้ทำค่ะ อย่าให้ทำเองเลย แต่ถ้าให้ทำด้วยกัน ให้เป็นลูกมือก็ได้ เขาจะเป็นคนชอบทำมากกว่า ตัวหนูจะชอบทำขนมมากกว่าค่ะ ถ้าเกิดเป็นของคาวจะเฉยๆ”

หลังแต่งงาน เรารับงานตลอดเลย ไม่ได้พัก ?

“รับ (หัวเราะ) คือถ้าเกิดมีติดต่อมา เราก็รับอยู่แล้ว คือที่ผ่านมา การแข่งขันมันก็มากยิ่งขึ้นทุกวัน เราก็จะต้องดึงตัวเองเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่ละครอย่างเดียว หนูรู้สึกว่า ช่องทางที่คนเห็นเรา มันหลากหลายขึ้น หนูก็ต้องการทำงานให้มันหลากหลายขึ้นเช่นกัน ก็รับหมดค่ะ ถ้ามันตรงกับสิ่งที่เราต้องการทำ เราก็รับ”

รีบรับก่อนจะมีน้อง ?

“ใช่ ถูกเลยค่ะ คือเราแพลนไว้หมดแล้ว ถ้าเกิดน้องมาหนูออกมาบอกให้ทุกคนทราบแน่ๆค่ะ หนูอยากให้มันชัวร์จริงๆ ก็วางไว้ว่าปีนี้ค่ะ เราปล่อยธรรมชาติเลย เอาเป็นว่าถ้าเกิดมีข่าวดีที่ชัวร์ๆ เดี๋ยวหนูจะมาบอกค่ะ ตอนนี้ก็แจ้งกองไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ กองก็รีบถ่ายค่ะ”

มีฝันอะไรที่เป็นมงคลว่าจะได้ลูกแล้วบ้างหรือยัง ?

“ไม่มีเลย ไม่มีฝันอะไรเลย ยังไม่ได้มีใครให้โดฟอะไรเลยค่ะ กินเยอะเหมือนเดิม ยังสนุกกับชีวิตมาก”

โน้ต วิเศษ คลั่งรัก ยิ่งแต่งก็ยิ่งหวาน

เรือนหอในตอนนี้แพทริเซีย แพลนไว้ยังไง ?

“เราอยู่ที่คอนโดค่ะ ก็อยู่ที่ที่พี่โน้ตอยู่อยู่แล้ว จริงๆ ที่มันก็ค่อนข้างพอ ถ้าเกิดเรามีน้อง ก็สามารถเลี้ยงสัก 2 คนที่นั่นได้สบายๆเลยคะ”

เราไปเบียดเบียนตู้สำหรับเก็บเสื้อผ้าเขาเยอะแค่ไหนตอนนี้ ?

“เขามีตู้เล็กๆ1 ตู้ ให้เรา ที่เหลือของเขาหมดเลย คือหนูยังไม่ได้ย้ายทุกๆอย่างเข้าไปค่ะ อย่างที่กล่าวว่า บางทีเรายังทำงาน ก็จะไปที่บ้าน ก็ยังอยู่กับคุณแม่ ตู้เดียวพอค่ะ หนูของไม่มาก แต่ว่าเขาบอกอาจจะตามอายุ พอเราโตขึ้น อาจจะเริ่มช้อปปิ้งมากขึ้น ตอนนี้ บางทีก็อาจจะยังไม่ได้สนใจตรงนั้น”

ฝาแฝดเลยไหม ?

“ธรรมชาติ ไม่น่าจะแฝดอะ ที่บ้านหนูไม่มีใครเป็นแฝดเลย เพราะฉะนั้น ก็น่าจะคนเดียวค่ะ”

สามีบอกให้ใส่แหวน วันนี้ก็ไม่ใส่มาอีกแล้ว ?

“ลืม (หัวเราะ) คือรีบแต่งตัว แล้วเราเก็บในเซฟอะ จะลืมคัดออกมาตลอดเลย ไม่ได้ใส่ติดตัวค่ะ เราก็แอบกลัวนะ ไม่ได้เป็นอะไรที่ใส่เสมอๆค่ะ คือคุยกันแล้วว่า ขอไปซื้อแหวนวงเล็กๆที่จะใส่แบบสบายๆดีกว่าค่ะ”

เขาจะงอนไหม ?

“ไม่งอนหรอก เราก็ลืมจริงๆอะ (หัวเราะ) หนึ่งเลยคือเราไม่ชิน พึ่งได้ใส่ไม่ถึงเดือนเอง มันก็จะยังไม่ติดตัวขนาดนั้นค่ะ และก็ สองมันเป็นอะไรที่มีมูลค่า ถ้าหากมันหลวม อย่างเวลาหนูอยู่ที่เย็นๆ นิ้วจะเล็กลง ก็จะมีความระแวงมาก ก็เลยขอเป็นวงสำรอง ง่ายๆเดี๋ยวเราไปดูเองง่ายๆเลย บางที เราทำงานก็ไม่สะดวกในการใส่อยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น ไปกองอะไรอย่างนี้”

ฮันนีมูนหรือยัง ?

“คือมีทริปทุกเดือนเลยค่ะที่เราแพลนไว้ แต่ว่าเป็นทริปกับครอบครัว ยังไม่มีทริปของเราสองคนค่ะ”

อาเซียน คัพ

หัวร้อนทิ้งทวน! กล้องจับภาพได้ "โค้ชปาร์ค" โวยผู้ตัดสินหลังจบเกมพ่ายไทย

อาเซียน คัพ ยังคงเป็นประเด็นกระทั่งจบทัวร์นาเมนต์สำหรับ ปาร์ค ฮัง-ซอ กุนซือชาวเกาหลีใต้ กับภารกิจการคุมทีมชาติเวียดนาม ในการแข่งขันบอลรายการ เอเอฟเอฟอาเซียนคัพ 2022 รอบชิงชนะเลิศ นัดสอง ที่สนามธรรมศาสตร์ รังสิต เมื่อวันจันทร์ที่ 16 เดือนมกราคม ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา

โดยผลจากการแข่งขันอย่างที่รู้กันไปแล้วว่า “ทัพช้างศึก” ทีมชาติไทย เป็นฝ่ายเฉือน 1-0 ทำให้สกอร์รวมเอาชนะไปได้ 3-2 หยิบแชมป์ฟุตบอลอาเซียนคัพ 2022 ไปครองได้เป็นสมัยที่ 2 ต่อเนื่องกัน และก็เป็นการคว้าชัยชนะรายการนี้ ได้เป็นสมัยที่ 7 ในประวัติศาสตร์

อย่างไรก็ดีหลังจากจบเกม อาเซียน คัพ สื่อเวียดนามได้เผยภาพ

กุนซือแดนโสมวัย 65 ปี ที่เดินปรี่เข้าไปหา จุมเป อิดะ ผู้ตัดสินชาวญี่ปุ่น เพื่อถามการตัดสินเกม หลังจากไม่สบอารมณ์ที่คิดว่า เป่าให้ลูกทีมของเขา มิได้เปรียบตลอดทั้งเกม จนในที่สุดพ่ายไป 0-1 แต่ว่าก็ไม่มีเหตุบานปลายอะไร

สำหรับเกมนัดนี้ถือว่าเป็นการ ปฏิบัติภารกิจหนสุดท้ายสำหรับเพื่อการคุมทีมชาติเวียดนามของ ปาร์ค ฮัง-ซอ เป็นนัดหมายสุดท้าย หลังจากที่สัญญา จะหมดลงในช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งตลอดการคุมทีมในช่วง 5 ปี กุนซือแดนโสม พาทีมคว้าแชมป์อาเซียนคัพ 1 สมัย (ปี 2018), พาทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี คว้ารองแชมป์เอเชีย และพาทีมผ่านเข้าถึงรอบ 12 ทีมสุดท้ายคัดบอลโลก 2022

ทีมชาติไทย แมสซี่

เหตุเหมือนเป๊ะ “ธีราทร” กับท่าฉลองทำประตู “เมสซี่” แต่ว่าทำบางคนเดือด

นับว่าเป็นจังหวะที่ถูกพูดถึงอย่างมากมาย กับท่าฉลองการทำประตูได้ของ ธีราทร บุญมาทัน กัปตันทีมชาติไทย สำหรับเพื่อการแข่งขัน ฟุตบอลอาเซียนคัพ 2022 รอบชิงชนะเลิศ นัดสอง เมื่อวันจันทร์ที่ 16 เดือนมกราคม ที่ผ่านมา โดยภายหลังที่ ตัวรุกตัวเก่งกดประตูสุดสวยให้ “ทัพช้างศึก” เป็นฝ่ายออกนำ เวียดนาม 1-0 ในตอนนาทีที่ 24 เจ้าตัว ก็วิ่งไปทำท่าดีใจกับท่า Siuuu ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตามสไตล์ ก่อนที่จะวิ่งไปกลางสนามแล้วทำท่าเอามือป้องที่หู

งานนี้ถึงกับทำให้ ปาร์ค ฮัง-ซอ โค้ชชาวเกาหลีใต้ เดือดหนักเดินออกมาชี้หน้าพร้อมทั้งฟ้องผู้ตัดสิน ให้ลงโทษหลังคิดว่าเจตนายุตน แต่สุดท้ายก็ไม่มีเหตุการณ์แย่ลงกว่าเดิมแต่อย่างใด ซึ่งมูลเหตุคงจะมาจากการที่ โค้ชแดนโสม ชอบออกมาพูดถึงแข้งไทยรายนี้อยู่เสมอ แถมได้พูดในงานแถลงข่าว ก่อนเกมว่าทราบดีถึงความสามารถของ ธีราทร แต่จะสั่งลูกทีมตามตามติดหนักกว่าเดิม แล้วก็มีแผนในการ รับมือเอาไว้แล้ว ไม่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด

งานนี้ทำให้หลายคนคิดย้อนไปถึงเหตุที่ ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา เคยทำท่าป้องหูใส่ หลุยส์ ฟาน กัล ผู้จัดการทีมทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบ 8 ทีมสุดท้าย ภายหลังที่ถูกวิจารณ์ว่ามีจุดบอด และก็จะสั่งลูกทีมตามปิดตายเหมือนกัน

ในการคว้าแชมป์ของ ทีมชาติไทย ในการแข่งขันฟุตบอลอาเซียนคัพ 2022 ถือได้ว่าเป็นการหยิบแชมป์มาครอง ได้เป็นสมัยที่ 7 ในประวัติศาสตร์ และนับว่ามากที่สุดที่ชาติ ในภูมิภาคในอาเซียนทำได้ หลังแข่งขันมาทั้งหมด 14 ครั้ง

เอเอฟเอฟอาเซียนคัพ 2022 รอบชิงชนะเลิศ

โดนหมายหัวแล้ว “โค้ชปาร์ค” ลั่นสั่งลูกทีมปิดตายหนึ่งแข้งไทยหลังป่วนจัดเกมก่อน อาเซียน คัพ

ปาร์ค ฮัง-ซอ กุนซือชาวเกาหลีใต้ของ ทีมชาติเวียดนาม ที่เดินทางไปร่วมงาน แถลงข่าวก่อนเกม ที่จะพาลูกทีมลงสนามดวลกับ ทีมชาติไทย สำหรับในการแข่งขันฟุตบอลรายการ เอเอฟเอฟ อาเซียนคัพ 2022 รอบชิงชนะเลิศ นัดสอง ที่สนามธรรมศาสตร์ รังสิต เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม ก่อนหน้าที่ผ่านมา

โดยในงาน โค้ชแดนโสมได้บอกว่า “ไม่ว่าจะเป็นเกมแรกหรือเกมสุดท้ายสำหรับการคุมทีม (ซึ่งก็คือว่านัดนี้จะเป็นนัดสุดท้ายสำหรับการคุมเวียดนาม) ผมมักจะเตรียมพร้อมด้วยความคิดเดียวกันเสมอ นั่นคือทุ่มเทดังเดิม”

ขณะเดียวกันนี้เจ้าตัวยังได้ตอบคำถามสื่อถึงนักฟุตบอลตัวอันตราย ของทีมไทยว่า “หลายจังหวะที่อันตรายของพวกเขา มีเหตุที่เกิดจากนักเตะหมายเลข 3 (ธีราทร บุญมาทัน) เขาเป็นผู้เล่นคนสำคัญ ที่ทำเกมให้ทีมชาติไทย”

“ในนัดก่อนช่วงครึ่งแรกแดนกลางของเรา ได้รับคำสั่งให้ตามเกาะติดเขา ซึ่งก็ทำกันได้ดี แต่ครึ่งหลังก็มีจังหวะที่พลาดบ้าง แต่กับเกมนี้แน่นอนเรามีแผนรับมือกับเขาเหมือนเช่นเคย” โค้ชปาร์ค กล่าวอย่างแน่ใจ

สำหรับเหตุการณ์ของ “ทัพดาวทอง” พวกเขาหวังที่จะบุกเอาชนะ ทีมชาติไทย หรือเท่ากันที่สกอร์มากกว่า 2-2 ในรอบชิงชนะเลิศ นัดที่สอง เพื่อโอกาสครองแชมป์

ปาร์ค ฮัง ซอ เอเอฟเอฟอาเซียนคัพ 2022

นายกล้ามั้ย “โค้ชปาร์ค” ท้า “มาโน” เปิดเกมบุกสู้เพื่อสมศักดิ์ศรีแชมป์อาเซียน

ฝ่ายจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน จัดแถลงข่าวก่อนจะมีการแข่ง รอบชิงชนะเลิศ นัดที่สอง คู่ระหว่าง ทีมชาติไทย กับ ทีมชาติเวียดนาม เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2566 เวลา 17.45 น. ที่ห้องแถลงข่าว สนามธรรมศาสตร์

ปาร์ค ฮัง-ซอ หัวหน้าคนฝึก ทีมชาติเวียดนาม พูดว่า “บางคนกังวลภายหลังจากเกมแรก เนื่องจากเวียดนามเสียเปรียบ แต่เรามาที่นี่เพื่อชนะ เราพยายามทำเพื่อแฟนๆ ของเรา เราได้แข่งขันกับไทยมาหลายเกม ในปี 2018 ผมเอาชนะได้ ผมเชื่อเสมอว่า เราสามารถชนะทีมชาติไทยได้ และก็ผมกล่าวไปหลายครั้งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเกมแรก หรือเกมสุดท้ายผมมักจะเตรียมอย่างเดิม ทุ่มเทเท่าเดิม”

“ด้วยเหตุนั้นเกมนี้ผมอยากให้ ทีมชาติไทยเล่นอย่างดุเดือด ด้วยการเปิดเกมบุก นั่นเป็นการพิสูจน์ว่าพวกเขาสมควร ได้รับชัยชนะ ไม่ใช่เพียงเพราะสองประตูที่ทำได้ที่ มี ดินห์ สเตเดี้ยม”

“ผมมั่นใจว่าพวกเขาคงจะไม่ต้องการเสมอ พวกเขาตั้งใจที่จะชนะ ได้แชมป์ด้วยชัยชนะที่มอบให้กับแฟนๆ ของเขา ผมไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดไทย ถึงใช้กองหลังตัวกลางสามคนในเลกแรก ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาพวกเขาใช้กองหลังสี่ตัว อาจเป็นเพราะความกดดันในเกมเยือน อาจเป็นเพราะเวียดนามทำให้พวกเขาเปลี่ยนไป หวังว่าในบ้านไทยจะใช้ 4 กองหลังเหมือนนัดที่แล้ว ถ้าเกิดไทยเล่นรุก เราก็เล่นรุกด้วย”

“ขั้นตอนแรก ผมอยากจะขอบคุณแฟนๆ ที่ เกาหลีใต้ บ้านเกิดของผม ในตอนที่ผมทำงานในเวียดนาม ผมได้รับความสนใจ พวกเขาช่วยให้ผมมีกำลังใจในการทำงาน ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ผมหวังว่าในอนาคต ผมจะมิได้ทำงานเป็นโค้ชอีกต่อไป ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนาม และเกาหลีจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไปอีก”

 

เสี่ยเบนท์ลีย์

เสี่ยเบนท์ลีย์ ปิดค่างวดให้ปาเจโร ชดใช้คู่กรณีรวมกว่า 2 ล้าน จ่ายให้กู้ภัยอีก 8 แสน

เสี่ยเบนท์ลีย์ ชดใช้เยียวยาคู่กรณี ปิดค่างวดให้ปาเจโร รวมกว่า 2 ล้านบาท จ่ายให้กู้ภัยอีก 8 แสน จากกรณี รถเบนท์ลีย์ซิ่งบนทางด่วนฯ ไปชนรถปาเจโร จนกระทั่งทำให้มีคนที่บาดเจ็บ 8 ราย ตอนวันที่ 8 เดือนมกราคม ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา

ปัจจุบัน มีรายงานว่า พนักงานสอบสวน สน.ทางด่วน 1 ได้เรียกคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายมาไกล่เกลี่ยกัน จนมีข้อยุติ โดย นายสุทัศน์ สิวาภิรมย์รัตน์ หรือ เสี่ยจั๊บ คนขับเบนท์ลีย์ ยินยอมใช้ค่าชดเชยให้กับคู่กรณี รถยนต์มิตซูบิชิปาเจโร ให้ นายศราวุธ 29,767 บาท นางสาวณิชชาวีณ์ 30,419 บาท นางวรพรรณ 65,820 บาท นายสมรักษ์ 570,000 บาท นางสาวธนานิษฐ์ 127,976 บาท รวมทั้งเด็กชายปน (นามสมมติ) 22,034 บาท

เสี่ยเบนท์ลีย์ ยังมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับทรัพย์สินอีก 374,900 บาท รวมกว่า 1,220,916 บาท

ตลอดจนเปลี่ยนสัญญาเช่าซื้อเป็นชื่อคู่กรณี และให้คู่กรณีจ่ายค่าปิดงวด กับไฟแนนซ์ทั้งหมด รวมค่าชดเชยทั้งหมด กว่า 2,000,000 บาท ซึ่งการจ่ายค่าเยียวยานี้วันศุกร์ที่ 13 เดือนมกราคม ส่วนทางกู้ภัย ผู้ก่อเหตุยินยอม ชดใช้ค่าเสียหาย 800,000 บาท ซึ่งจ่ายค่าเยียวยาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมา

เสี่ยเบนท์ลีย์ชนสนั่น 3 คัน ซิ่งบนทางด่วน ปาเจโร่ตีลังกา 6 ชีวิตรอดตาย “สุทัศน์ สิวาภิรมย์รัตน์” เศรษฐี ใหญ่อดีตนายทุนพรรคการเมือง ซิ่งเบนท์ลีย์บนทางด่วนจี้ด้านหลังรถ กระบะดับเพลิง อปพร.บางรัก ขณะ วิ่งไปเหตุไฟไหม้ ก่อนตบเข้าเลนซ้ายสุด เพื่อแซงปาเจโร่ป้ายแดงวิ่งอยู่เลนกลาง แล้วก็จะตบเข้าขวาขึ้นหน้ารถดับเพลิง แต่ว่าไม่พ้นชนปาเจโร่ หมุนไปขวางกระบะดับเพลิง ชนสุดแรงจนกระทั่งหงายท้อง โชคดีคนภายในรถ 6 คน คาดเข็มขัดนิรภัย เจ็บสุดเพียงแขนหัก

ส่วนคนบนรถดับเพลิง 2 คน เจ็บนิดหน่อย หลังจากเกิดเหตุ พยานระบุสุทัศน์มีอาการคล้าย มึนเมา ในรถมีไวน์เปิดดื่มไปนิดหน่อย และก็ปฏิเสธเป่าวัดแอลกอฮอล์ ในที่สุดยอมรับชดใช้คู่กรณีทั้งหมด ขณะตำรวจแจ้ง 2 ข้อกล่าวหาพร้อมพาไปตรวจเลือดหาปริมาณแอลกอฮอล์ที่ โรงพยาบาลตำรวจ

เสี่ยใหญ่ผู้ครอบครองหลายธุรกิจซิ่งรถยนต์หรูพุ่งเข้าชนสนั่น บนทางด่วนครั้งนี้เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 8 มกราคม พันตำรวจโทพิเชษฐ์ ก้อนแพง รอง ผู้กำกับการ (สอบสวน) งานศูนย์ควบคุมจราจรด่วน 1 กก.2 บก.จร. รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์ชนกัน 3 คัน มีคนที่ได้รับบาดเจ็บหลายราย บนทางพิเศษเฉลิมมหานคร หลักกิโลที่ 21+1001+100B มุ่งหน้าดินแดง แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม. ไปตรวจพร้อมมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุเป็นถนน 3 เลนพบรถยนต์หรูยี่ห้อเบนท์ลีย์

รุ่นคอนติเนนตัล จีที สีเทา ทะเบียน 7 กค 3822 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ช่องทางซ้ายสุด มีร่องรอยเฉี่ยวชนที่หน้ารถยนต์ฝั่งขวา ในรถยนต์บริเวณเบาะหลังฝั่งซ้าย พบขวดไวน์เปิดดื่มไปแล้วเล็กน้อย ใกล้กันเลนกลาง พบรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีดำป้ายแดง ทะเบียน ณ 3830 กรุงเทพมหานคร สภาพหงายท้องล้อชี้ฟ้า มีร่องรอยถูกชนท้ายด้านซ้าย แล้วก็ข้างหน้ากระจกแตกทุกบาน ถุงลมนิรภัยทำงานอยู่ ห่างออกไปพบรถปิคอัพดับเพลิง อปพร.บางรัก ทะเบียน ถธ 1861 กรุงเทพมหานคร สภาพหน้ารถพังยับ ดังนี้มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย ที่นั่งมาในรถยนต์มิตซูบิชิ นำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง รวมถึงเจ้าหน้าที่อาสาสมัครดับเพลิงชายอีก 2 คน บาดเจ็บนิดหน่อย

เวลาเดียวกันกล้องหน้ารถของพลเมืองดี จับภาพในช่วงเวลาที่รถยนต์ยี่ห้อเบนท์ลีย์ สีเทา ขับมาด้วยความเร็ว แซงซ้ายแล้วเบี่ยงขวา ก่อนจะพุ่งเข้าชนท้ายรถมิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีดำ ที่วิ่งอยู่เลนกลาง จนรถยนต์มิตซูบิชิ เสียหลักหมุนพุ่งเข้าชนขอบทางขวาสุด ก่อนรถปิคอัพดับเพลิง อปพร.บางรัก ที่ขับอยู่ทางขวาด้วยความเร็วพุ่งชนซ้ำ ขณะรีบไปเหตุไฟไหม้ย่านอุดมสุข จนกระทั่งรถยนต์มิตซูบิชิพลิกคว่ำล้อชี้ฟ้า เสียหายพังยับ

นายอิทธิพล ประสงค์ทรัพย์ อายุ 35 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยมัสยิดฮารูณ คนขับดับเพลิง อปพร.บางรัก เปิดเผยว่า ก่อนเกิดอุบัติเหตุมีรถเก๋งหรูวิ่งตามมา ก่อนแซงซ้ายแล้วหักเข้าเลนกลาง แล้วมาขวาสุดเพื่อจะมาแซงหน้ารถตนอีกทีหนึ่ง แต่ไม่พ้นไปชนท้ายรถยนต์มิตซูบิชิกระทั่งเสียหลัก มาเลนขวาและถูกตนพุ่งชนซ้ำ มีผู้บาดเจ็บหลายคน

เช่นเดียวกับนายอานนท์ ศรีสุวรรณากุล อายุ 44 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัคร บอกว่า สังเกตอาการคนขับรถหรู มีอาการมึนเมาเดินลงจากทางด่วน ไปเรียกรถแท็กซี่เพื่อจะหนี แต่มีอาสาที่รู้เหตุการณ์ได้ขับรถตามรถแท็กซี่ไป จนถึงที่โรงพัก ยิ่งไปกว่านี้ขณะรอสอบปากคำกับตำรวจพยายามเดินเข้าห้องน้ำ แล้วเดินออกหลังห้องน้ำ เพื่อจะหนีอีกครั้ง ในที่สุดถึงกล่าวว่าจะรับผิดชอบความเสียหาย ที่เกิดขึ้นทั้งหมด

ปิดค่างวดให้ปาเจโร

ส่วนนายศราวุธ รีรักษ์ อายุ 37 ปี คนขับรถยนต์มิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร่ ป้ายแดง

บอกว่า พาครอบครัวทั้งหมด 6 คน เป็นผู้ใหญ่ 5 คน เด็กอายุ 4 ขวบ 1 คน ตนเป็นคนขับ มีพ่อนั่งด้านข้างบาดเจ็บแขนหัก ต่อมาแถวสองเป็นแม่ หลานชาย 4 ขวบ แล้วก็แฟน ส่วนน้องสาวนั่งอยู่ข้างหลัง ออกจากบ้านพักย่านทุ่งครุ ขึ้นทางด่วนมุ่งหน้าลงดินแดง เพื่อจะกลับบ้าน จังหวัดบึงกาฬ ขับเลนกลางมาตามปกติ ใช้ความเร็วประมาณ 90 กิโลเมตร/ชม.

ถึงจุดเกิดเหตุ รู้สึกโดนชน เหตุเกิดขึ้นเร็วมาก หลังรถคว่ำพยายามตั้งสติ ช่วยทุกคนออกมาจากรถยนต์ ที่รอดมาได้เพราะทุกคนคาดเข็มขัดนิรภัย มีพ่อคนเดียวที่อาการหนัก คือแขนซ้ายหัก รักษาตัวอยู่โรงพยาบาล ส่วนคนอื่นไม่ได้รับบาดเจ็บเท่าไรนักอาการปลอดภัย

ด้าน พ.ต.ท.พิเชษฐ์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการพูดคุยคนขับรถเบนท์ลีย์รับผิด ยินดีจะชดเชยค่าเสียหายให้กับคู่กรณีทั้งหมด พร้อมแจ้งข้อหาขับรถประมาททำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์ กับขับขี่รถประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ จะเจ็บมากหรือเจ็บน้อยจะต้องรอแพทย์ประเมิน

ต่อจากนั้นได้ส่งตัวผู้ขับไปตรวจเลือด ที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อหาปริมาณแอลกอฮอล์ เป็นการตรวจที่ได้มาตรฐานมีความแม่นยำสูงกว่าการเป่า ยิ่งกว่านั้นประเด็นเจอขวดไวน์อยู่ภายในรถ ว่าเปิดหรือไม่เปิดนั้น

พนักงานสอบสวนไม่มีความจำเป็นจะต้องตรวจสอบ เนื่องจากว่าผู้ขับขี่แสดงตัว และไม่ได้หลบหนี ไม่ต้องค้นรถ และตรวจคราบต่าง ๆ ถ้าผลตรวจเลือดจากโรงพยาบาล ออกมาว่าผู้ขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกำหนด สามารถแจ้งข้อหาเมาแล้วขับเพิ่มได้

ดังนี้ ทางฝั่งรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร่ เจ็บทุกคน หนักสุดแขนหักอยู่ระหว่างรักษาที่โรงพยาบาล ส่วนคนอื่น ๆ บาดเจ็บเล็กน้อย เรื่องของการพูดคุยไกล่เกลี่ย มีทนายความของฝั่งรถยนต์มิตซูบิชิได้ติดต่อกับพนักงานสอบสวนแล้ว เช่นเดียวกับฝั่งรถดับเพลิง มีตัวแทนติดต่อมาแล้วด้วยเหมือนกัน

กู้ภัย 8 แสน

รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้ขับขี่รถหรูเบนท์ลีย์ คือนายสุทัศน์ สิวาภิรมย์รัตน์ มีชื่อเป็นกรรมการ 7 บริษัท ได้แก่

1.บริษัท ไทยวัฒนา แอสเซ็ท จำกัด ประกอบการซื้อขายที่ดิน

2.บริษัท ทัช มี ฟู้ด (ไทยแลนด์) จำกัด จำหน่ายอาหารสำเร็จรูป

3.บริษัท เบเนฟิท ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ขายปลีกวัสดุก่อสร้างอื่นๆ

4.บริษัท เมก้า เวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ประกอบการขายปลีกวัสดุก่อสร้างอื่นๆ

5.บริษัท แมกซ์ เทรด จำกัด ประกอบการขายวัสดุก่อสร้าง

6.บริษัท หทัยราษฎร์ คอมเพล็กซ์ จำกัด ประกอบการตลาดสด และ

7.บริษัท เอกทวีสิน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ประกอบการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์อาคารสำนักงาน

นอกจากนี้ นายสุทัศน์ ในอดีตเมื่อช่วงเดือน เม.ย.62 มีข่าวเป็นนายทุนพรรคเศรษฐกิจใหม่ สมัยที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็นหัวหน้าพรรคด้วย

จิ๊บ คีตภัทร

แฟนคลับสุดคิดถึง เปิดภาพปัจจุบัน ‘จิ๊บ คีตภัทร’ นางเอกดังที่สวยเด่นไม่เปลี่ยนแปลง

จัดเป็นอีกหนึ่งดาราสาวสวยที่คนไม่ใช่น้อยหลงเสน่ห์เธอหนักมาก สำหรับสาว จิ๊บ คีตภัทร อันติมานนท์ ที่ฝากผลงานสุดปังเอาไว้เป็นอันมาก เป็นต้นว่า กามเทพลวง, กว่าจะรู้เดียงสา, หมอผีไซเบอร์, เบญจา คีตา ความรัก อื่นๆอีกมากมาย แม้เดี๋ยวนี้คุณจะไม่ค่อยส่งผลงานแสดงออกทางหน้าจอให้ได้เห็นกันเท่าไหร่ แต่บอกเลย แฟนคลับรักเธอ และคิดถึงหนักมาก

งานนี้เราเลยไม่พลาด ชักชวนทำความรู้จักสาว จิ๊บ เบาๆและพาไปชมรูปสวยๆของสาวจิ๊บกัน ที่บอกเลยว่า เธองาม หุ่นดี และสะดุดตาไม่เปลี่ยนแปลงเลย โดยสาวจิ๊บเกิด|วันที่ 21 พ.ย. พ.ศ. 2527 เป็นนักแสดงคนประเทศไทยในสังกัดนักแสดงวิดีโอ และสถานีส่งสัญญาณโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 จิ๊บ เป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ เป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัว อันติมานนท์ เป็นผู้แสดงสาวคนประเทศไทย ซึ่งเป็นน้องสาวของดาราชายเป็น จิม เจจินตัย แวนดิว

จิ๊บ มีผลงานเรื่องแรก ได้แก่ กว่าจะรู้เดียงสา แสดงคู่กับ วี วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ เป็นที่รู้จักในบท แว่นทิพย์ ซึ่งเป็นนางเอกใน ละครหลังข่าว เรื่องแรกเมื่อในปี 2543 และละครเรื่อง เจ้าสัวน้อย และผลงานที่แสดงคู่กับ วี วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ อีกหนึ่งเรื่อง ละครเรื่อง ลูกหลง ทำให้ คีตภัทร เป็นผู้แสดงที่รู้จักกัน และมีชื่อเสียงในสมัยนั้น ต่อมา คีตภัทร รับงานละครหลายๆเรื่อง และเป็นการสลับบทเป็นนางร้าย และเป็นดาราหนังที่มีคุณภาพ และมีความสามารถ ด้านการแสดงอีกคับคั่งนั่นเอง

โดยหลังจาก จิ๊บ เบาๆงานในวงการบันเทิงไป จากทางหน้าจอ ก็ทำเอาแฟนๆคิดถึงหนักมาก พากันมาส่องไอจีของเธอ และบอกรัก บอกคิดถึง รวมทั้งส่องชีวิตสุดปังของเธอ กันอย่างมากมาย

จิ๊บ คีตภัทร เปิดภาพปัจจุบัน

​​ทำความรู้จัก สวยเก่งครบสูตร จิ๊บ คีตภัทร อดีตนางเอกดังยุค 90

เป็นอีกหนึ่งดาราสาวสวย ที่ห่างหายจากวงการบันเทิงไปนานมากๆสำหรับ จิ๊บ คีตภัทรน้องสาวของศิลปินชายหนุ่ม จิม เจจินตัย อันติมานนท์ โดยทั้ง จิ๊บ และ เจจินตัย เป็นดาราหนังที่มีชื่อเสียงมากมายในสมัย 90 ถ้าคนไหนเคยเห็นละครดังช่อง 7 อย่างเรื่อง เบญจา คีตา ความรัก หรือ กว่าจะรู้เดียงสา มั่นใจว่าจะต้องคุ้นหน้า จิ๊บ คีตภัทรวันนี้ เราจะพามาทำความรู้จักจิ๊บ คีตภัทร กันอีกรอบ เผื่อคนใดที่ยังไม่รู้จัก หรือ จำสาวคนนี้ไม่ได้

คีตภัทร อันติมานนท์ ชื่อเล่น จิ๊บ

กำเนิดเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2527

เป็นดาราหนังชาวในสังกัดนักแสดงวิดีโอ และสถานีส่งสัญญาณโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7

จิ๊บ คีตภัทรเป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ

เป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัวอันติมานนท์

จิ๊บ เป็นดาราสาวคนประเทศไทยซึ่งเป็นน้องสาวของ ผู้แสดงฝ่ายชายคือ จิม เจจินตัย อันติมานนท์

สำหรับเรื่องของการเข้าวงการบันเทิงของจิ๊บ คีตภัทร นั้น เธอเริ่มเข้าวงการสายบันเทิงไทย เป็นผู้แสดงในสังกัดศิลปินวิดีโอ และสถานีส่งสัญญาณโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7

และส่งผลงานเรื่องแรกเป็นต้นว่า กว่าจะรู้เดียงสา แสดงคู่กับ วี วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ เป็นที่รู้จักในหน้าที่ แว่นทิพย์ ซึ่งเป็นนางเอกในละครหลังข่าวเรื่องแรกเมื่อในปี 2543 และละครเรื่อง เจ้าสัวน้อย และผลงานที่แสดงคู่กับ วี วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ อีกเรื่องหนึ่งละครเรื่อง ลูกหลง ซึ่ง จิ๊บ มีผลงานโดยตลอด ทำให้เธอเป็นดาราหนังที่รู้จักกัน และมีชื่อเสียงในยุคนั้น และอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักคือเรื่อง เบญจา คีตา ความรัก ซึ่ง จิ๊บ รับงานละครหลายๆเรื่องและเป็นการสลับบทบาทเป็นนางร้ายและเป็นผู้แสดงที่มีคุณภาพ และมีความสามารถด้านการแสดงอย่างยิ่ง

พักหลังๆเธอได้เฟดตัวออกจากวงการบันเทิง และยังดำเนินงานมีธุรกิจส่วนตัว รวมถึงเธอยังมีธุรกิจส่วนตัวพร้อมกันไปด้วย และนอกเหนือจากนี้ จิ๊บ ยังเป็นพาร์ทเนอร์ ร้านอาหารไทย ที่ชื่อ Noi Thai Cuisine Greenlake ที่ Seattle ประเทศอเมริกา อีกด้วย จะต้องบอกว่า สาวคนนี้ ทั้งสวย มากความสามารถ ครบสูตรจริงๆ

จิ๊บ คีตภัทร ปัจจุบัน

“จิ๊บคีตภัทร” จ่อฟ้อง! สับเละคนปล่อยข่าว นางเอก จ. กระทบครอบครัว-แฟน

หลังจากที่ผู้ใช้ ติ๊กต๊อก รายหนึ่ง ได้ออกมาเผยใจความว่า “มีข่าวหลุด!! อดีตนางเอกดังช่องหลายสี แอบไปซื้อหนุ่มนอกวงการกิน แล้วโดนหนุ่มอัดคลิปแบล็กเมล์ เรียกเงิน 4 แสน ล่าสุดมีคลิปหลุดออกมา เร็วๆ นี้เจ้าตัวเตรียมแถลงข่าวแน่นอน”

ต่อมา ก็ได้โพสต์อีกว่า “โดนแล้ว! อดีตนางเอกดังช่องหลายสี ชื่อย่อ จ. เข้าแจ้งความเอาผิดหนุ่มนอกวงการ หลังขายคลิปตนเองที่กำลังมีอะไรกัน ให้กลุ่มลับกลุ่มหนึ่ง ในราคา 4 แสนบาท ซึ่งความยาวคลิปเต็ม 21 นาที เห็นหน้าตัวเองชัดเจน เลยทำให้เกิดความเสียหาย เจ้าตัวลั่นไม่ยอมความ พร้อมเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”

จนกระทั่งทำให้ชาวเน็ตแอบเดากันไป ต่างๆนานา ว่าอดีตนางเอกจ. ช่องหลายสีคือใคร ซึ่งหนึ่งในนั้นแอบมีคนผุดชื่อขึ้นมา ว่าใช่ “จิ๊บ คีตภัทร อันติมานนท์” ผู้แสดงสาวยุค 90 หรือเปล่า ทำให้วันนี้ (13 มกราคม) เจ้าตัวต้องรีบออกมาแจกแจงผ่านไอจี ว่าตนเองไม่ใช่คนภายในข่าวอย่างแน่แท้ พร้อมจะดำเนินคดีตามกฎหมาย กับคนที่ทำให้ตนและครอบครัวได้รับความเสียหาย

“ขออนุญาตชี้แจงข่าวที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้นะคะ ว่าไม่ใช่จิ๊บแน่นอนค่ะ จากข่าวที่มีการใช้ชื่อหรือเจตนาใช้ภาพจิ๊บซึ่งทำให้ เกิดความเข้าใจผิดและเสียหายต่อตัวจิ๊บ ครอบครัว และแฟนเป็นอย่างมาก ซึ่งไม่เป็นความจริง ไม่ได้เกิดเรื่องและไม่ได้มีการไปแจ้งความดำเนินคดีใดๆ อย่างในข่าว จิ๊บมาหาครอบครัวที่อเมริกาเป็นเวลา 3 เดือนแล้วค่ะ อยากขอให้ทุกคนใช้วิจารณญาณในการเสพข่าวส่วนผู้ที่ทำให้จิ๊บและครอบครัวได้รับความเสียหาย จะขอดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อรักษาสิทธิและ ความถูกต้องให้ถึงที่สุด ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่ส่งเข้ามานะคะ”

แจมิน ซาแซงแฟนรุมประชิดตัว

เอฟซีเดือด ซาแซงแฟนรุมประชิดตัวศิลปิน บินส่วนตัวที่สุวรรณภูมิ ดันแฮชแทกพุ่ง

เอฟซีเดือด ซาแซงแฟนรุมประชิดตัว แจมิน บินส่วนตัวที่สุวรรณภูมิ ดันแฮชแทกพุ่ง เรียกว่าเป็นข้อความสำคัญร้อนในโลกออนไลน์ข้ามคืน
พุ่งติดเทรนด์อันดับ 1 ทวิตเตอร์ ทั้งติดเทรนด์ไปจนเช้าวันนี้ในท็อป 5 ยังไม่ลง เมื่อมีเหล่าซาแซงแฟน หรือ กลุ่มแฟนคลับที่รอตามติดศิลปิน ลุกล้ำ และก็คุกคามความเป็นส่วนตัว รวมถึงการสร้างความรำคาญให้กับศิลปิน จำนวนหนึ่งเข้าไปรุมศิลปินระหว่างเดินทางส่วนตัวคนเดียวที่สนามบินสุวรรณภูมิ

แจมิน

โดยในทวิตเตอร์ มีคลิปวิดีโอหนึ่งที่เผยแพร่ขณะที่แฟนคลับสายสิบคน เดินเข้าไปรุม แจมิน

ถ่ายรูป ถือกล้อง ประชิดตัวศิลปิน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้คนที่ใช้บริการในสนามบินที่ไม่เกี่ยวข้อง
เดินออกมาจากบริเวณดังกล่าว พร้อมระบุข้อความว่า “คือผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแต่ มันขนาดนั้นเลยหรอ รุมเขาโพดโพ มันเกินไป๊”

ทำให้แฟนคลับจำนวนมาก ต่างไม่พอใจ และ ติเตียนการกระทำดังกล่าว โดยยิ่งไปกว่านั้นมีการเผยในทวิตเตอร์
ว่ามีแอคเคาท์ทวิตเตอร์บางแอคเคาท์ นำเอาไฟล์ทบินของศิลปินมาขายต่อ ก่อนจะปิดแอคเคาท์หนี โดยมีทั้งไฟล์ทของ แจมิน ศิลปินในคลิปวิดีโอ และก็ เหรินจวิ้น เพื่อนร่วมวง NCT Dream ที่เดินทางมาไทย กับ เตนล์ วง NCT สมาชิกชาวไทยที่พึ่งจะเดินทางกลับเมื่อไม่กี่วันก่อน

ดังนี้ แฟนคลับหลายคนมองว่า การกระทำของซาแซงแฟนดังกล่าว เป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวของศิลปิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อปีที่ผ่านมา แจมิน พึ่งเดินทางมาร่วมคอนเสิร์ตรวมในประเทศไทย รวมทั้งประทับใจมาก โพสต์ภาพต่างๆ ลงในอินสตาแกรม เป็นภาษาไทย ว่า รักแฟน ๆ ชาวไทย

เอฟซีเดือด

โดยในระยะนี้ NCT Dream ศิลปินประเทศเกาหลีโด่งดัง

ที่มียอดจำหน่ายอัลบั้มกว่า 3 ล้านชุด และเพิ่งจะประกาศทัวร์คอนเมืองไทย กำลังอยู่ในตอนได้หยุดพัก หลังจากที่ทำงานอย่างหนักตลอดทั้งปี โดยเพิ่งจะปล่อยเพลงปัจจุบันอย่าง Candy ออกมา การเดินทางมาเที่ยวที่เมืองไทยครั้งนี้ ก็เป็นแบบส่วนตัว ซึ่งสื่อประเทศเกาหลียังไม่ทราบ และไม่มีการ์ดเดินทางมาด้วย รวมทั้งแฟน ๆ คนไม่ใช่น้อยก็ไม่ทราบ ทำให้ผู้คนจำนวนมากรู้สึกแย่ที่ซาแซงแฟนมีพฤติกรรมดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเรียบร้อยในการต้อนรับรวมทั้งส่งศิลปินที่สนามบินมาโดยตลอด การกระทำครั้งนี้ก็เลยทำให้ชื่อเสียงป่นปี้ในประเทศ

ซาแซงแฟนรุมประชิดตัวศิลปิน

และมีการติดแฮชแทก #ซาแซง-เ-ีย กระทั่งพุ่งติดเทรนด์ทวิตอีกด้วย

ผู้คนจำนวนมากยังประณามแอคเคาท์ต่าง ๆ ที่นำเที่ยวบินของศิลปินมาขาย
โดยมองว่าเป็นการคุกคามความเป็นส่วนตัวศิลปิน แล้วก็ คิดว่า ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญ แล้วก็สงสัยว่าคลิปดังกล่าวมาได้อย่างไร

15 ความเป็นจริงของ นา แจมิน รอยยิ้มของ NCT

Na Jaemin (นา แจมิน) หรือที่หลายคนรู้จักกันในนาม นานา หรือ แจมิน NCT ผู้ชายที่ทำให้ใคร ๆ ก็ต้องหลงรัก เพียงได้มองเห็นรอยยิ้มสวย ๆ ของเขาเท่านั้น

ซาแซงแฟนรุมประชิด

ประวัติ
ชื่อ : 나재민 -Na Jaemin (นา แจมิน)
เกิด : วันอาทิตย์ที่ 13 ส.ค. 2000 (พ.ศ. 2543)
สูง : 177cm.
หมู่เลือด : AB
MBTI ISFJ-T
ยูนิต : NCT DREAM, NCT U
สังกัด : SM Entertainment
Instagram : @na.jaemin0813

แจมิน Na Jaemin

พอจะรู้จักแจมินกันมากขึ้นแล้ว พวกเรามาดูความจริง 15 ข้อที่หลายท่านอาจจะยังไม่เคยรู้ เกี่ยวกับแจมินกัน

  1. แจมินเกิดที่จอนจู ในจังหวัดช็อลลาเหนือ ใกล้ ๆ ปูซาน แล้วมาโตที่โซลเลย แจมินเลยกล่าวสำเนียงโซล
  2. แจมินเป็นลูกคนเดียว รวมทั้งอยากมีน้องสาว (แจมินชอบให้คนเรียกว่าโอ้ปป้า เพราะเวลามีคนเรียกเขาว่าโอ้ปป้า มันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก ๆ )
  3. ถูกใจศึกษาเรื่องรถ โดยยิ่งไปกว่านั้น Sport car
  4. ผลไม้ที่แจมินถูกใจทานมากที่สุดคือพีช และสัตว์ที่แจมินชอบที่สุดคือ สุนัข
  5. ทานผลิตภัณท์จากนมวัวไม่ได้ เนื่องจากร่างกายย่อยผลิตภัณท์จากนมวัวได้ไม่ค่อยดีนัก แถมยังไม่ชอบดื่มนมด้วยเนื่องจากว่าตอนเด็ก ๆ แม่บังคับให้ดื่มนมตลอด
  6. ทำอาหารเป็น แล้วหลังจากนั้นก็ทำได้ดีด้วย
  7. อาหารที่แจมินถูกใจเป็น Fast food ต่าง ๆ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไก่ทอด พิซซ่า แล้วก็ขนมต่าง ๆ
    ดังเช่น เยลลี่ ช็อคโกแลต นมช็อคโกแลต และ ชาเขียว
  8. เครื่องดื่มที่แจมินชอบที่สุดคือ กาแฟ เนื่องจากรสขม ๆ ของกาแฟที่ทำให้เขารู้สึกตื่นตัว แจมินเลยดื่มกาแฟเพิ่ม Espresso 4 ช็อต 6 แก้วต่อวัน
    แต่ตอนนี้ลดเหลือเป็น 2 แก้วแล้ว เพราะว่าแฟน ๆ เริ่มเป็นห่วงสุขภาพของแจมิน
  9. แจมินถูกใจสั่งชานมที่ความหวาน 100%
  10. เวลาต้มบะหมี่แจมินจะใส่ผักชีลงไปเยอะแยะแบบผักชี 1 ถ้วย ต่อบะหมี่ 1 ชาม
  11. ชอบเล่นแบดมินตัน จนกระทั่งทำเป็นงานว่าง รวมทั้งกีฬาที่แจมินไม่ชอบเลยคือเล่นฮูลาฮูป
    นอกเหนือจากนั้นงานที่ชอบทำในเวลาว่างของเขายังมี ดูอนิเมะ ฟังเพลง ถ่ายรูป และ การซื้อเสื้อผ้ารวมทั้งรองเท้า
  12. ชอบถ่ายรูปมาก ๆ ทั้งยังแบบฟิล์มรวมทั้งแบบดิจิตอล ต่อจากนั้นเขาจะเอารูปที่ถ่ายมารีทัชด้วยตัวเองทั้งหมด ก่อนจะส่งให้เมมเบอร์แต่ละคน
  13. ถูกใจฤดูใบไม้ร่วงมากที่สุด ถูกใจฤดูใบไม้ร่วงก็จริง แต่แจมินก็เลือกที่จะออกไปภายนอกในวันที่แดดออก เนื่องจากเขาชอบอากาศแบบนั้นมากกว่า
  14. ถึงแม้ว่าจะจะเป็นตอนกลางวันก็ตาม แจมินจะปิดมู่ลี่ในห้องไว้ตลอด เพราะเขาไม่ค่อยชอบแสงสว่าง และแน่นอนว่าเขาก็ไม่ค่อยชอบให้ห้องนอนของตนมีแสงด้วยแบบเดียวกัน
  15. มีลำโพงอยู่รอบห้องนอนของเขาประมาณ 10 กว่าอัน เพราะเหตุว่าสิ่งที่แจมินมักจะทำที่สุดเวลาพักอยู่ที่หอ คือการนอนเฉย ๆ แล้วเปิดเพลงในห้องตัวเอง

หวังว่าทุกคนจะได้รู้จักแจมินกันมากขึ้น แล้วก็หลังจากเริ่มต้นวันด้วยรอยยิ้มสวย ๆ ของแจมินแล้วขอให้ทุกคนมีวันที่ดีนะคะ